วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2558

Lost in Paradise 2

ตอนที่ 2


“ ดูเหมือนนายจะถูกส่งไปทำภารกิจ ” หนึ่งหยดแดงนั่งฟังรายละเอียดของงานนั้น เป็นงานที่ท่าจะยากทีเดียว ต้องแฝงตัวเข้าไป และใช้เวลานานในการเข้าถึงเป้าหมาย หนึ่งหยดแดงหยิบเอกสารและรูปภาพของเป้าหมายขึ้นมาดู …...ยังเด็กอยู่เลยนะ……
“ ไม่ใช่คนนี้ คนนี้ต่างหาก ” มือของฝ่ายข้อมูลดึงรูปคืน ก่อนจะยื่นรูปถ่ายอีกรูปให้ เด็กหนุ่มหน้าละอ่อนในชุดนักเรียน กำลังเดินอยู่กับเด็กหนุ่มในรูปถ่ายเมื่อครู่
“ลูกของอดีตนักการเมืองชื่อดัง การจ้างวานคือฆ่าโดยให้ดูเป็นอุบัติเหตุ ”
“ ฮืม แล้วนี่ใครกัน ” ความสงสัยยังไม่จางหาย มือชี้ไปยังรูปถ่ายแรกสุดที่ถูกดึงไป อีกฝ่ายถอนหายใจเล็กน้อย
“ อ้าว ไม่รู้จักเหรอ คุณชายไป๋ทู่ไง ทายาทเจ้าของเครือโรงแรมใหญ่ไง ถึงยังเด็กแต่ความคิดความอ่านเรื่องการบริหารนี่เก่งเข้าขั้นเลยนะ ”


“ เก่งขนาดนี้ก็เลยเป็นจุดเด่นยังไงละ ไม่แน่ต่อไปเจ้าเด็กนี่ก็อาจจะเป็นเป้าหมายของนายก็ได้นะ ” หนึ่งหยดแดงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ในโลกของการทำธุรกิจก็ไม่แพ้โลกของนักฆ่า เพียงแต่พวกเค้าไม่ฆ่าเอาชีวิต แต่ทำลายชีวิตด้วยอย่างอื่นเป็นส่วนใหญ๋ ใครล้มคือผู้แพ้
และผู้แพ้นั้นอาฆาตพยาบาทยิ่งนัก
“ อ้อ ใช้แล้ว หมื่นบุปผากลับมาแล้วนะ ”
“ หมื่นบุปผากลับมาแล้วงั้นเหรอ ” ชายหนุ่มถามอย่างประหลาดใจ เมื่อพูดถึงนักฆ่าที่งดงามที่สุด และประหลาดที่สุด
“ใช่แล้ว ดูเหมือนต้องการจะให้ฝึกนักฆ่าคนใหม่น่ะ เจ้าเด็กนั้นฝืมือดีทีเดียว ” เมื่อพูดถึงคำว่าเด็กทำให้เด็กหนุ่มคิดถึงเด็กทารกนั้นขึ้นมาอีกครั้ง
ป่านนี้จะเป็นยังไงนะ น่าจะเริ่มโตจนเดินได้แล้ว ดวงตากลมโตเหมือนลูกแก้วนั้นจะจับจ้องสิ่งใดกันนะ


หนึ่งหยดแดงผละจากนักส่งข้อมูล ฝั่งตรงข้ามทางเดินมีชายหนุ่มผู้งดงามคนนึงกำลังเดินมา ผมยาวสยายยามต้องลม ท่วงท่าการเดินไม่ขัดกับไม้เท้าคนตาบอดในมือเลยซักนิด แต่บรรยากาศรอบตัวเฉียบคมมาก จนถึงกับผงะ เมื่อชายหนุ่มคนนั้นเดินเข้ามาหยุดใกล้ๆหนึ่งหยดแดง
“ หนึ่งแยดแดงงั้นเหรอ ไม่ได้พบกันเสียนาน ” ทั้งๆที่ไม่ได้ส่งเสียงออกไป แต่อีกคนกลับรู้ว่าใครยืนอยู่ หนึ่งหยดแดงรู้สึกครั้มคร้ามคนตรงหน้า นักฆ่าอันดับหนึ่งของสวน “ หมื่นบุปผา ”
กลุ่มผมสีแดงที่อยู่ด้านหลังหมื่นบุปผาขยับไหว เรียกควมสนใจให้มองได้เป็นอย่างดี เด็กหนุ่มหน้าตาดี ยืนนิ่งอยู่หลังนักฆ่าตาบอด
“ เด็กคนนี้... ”
“ อ้อ ทักทายเค้าหน่อยสิ ” เด็กหนุ่มวัยสิบกว่า แววตาเฉยเมย หันมามองเค้าก่อนจะก้มลงเล็กน้อย
“ ดีมาก ”
“ ไม่น่าเชื่อว่านายจะเลี้ยงเด็กได้ ”
“ คนเรามันก็ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงกันบ้าง…..จริงไหม? ” ดวงตาที่ไม่สามารถจับจ้องสิ่งใดเสมาทางที่หนึ่งหยดแดงยืนอยู่ เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนกำลังโดนอีกฝ่ายจ้องมองทั้งๆที่มันเป็นไปไม่ได้
“ ฮึๆ เห็นอย่างนี้ฉันก็รักเด็กนะ และบางทีนี่อาจจะเป็นคนสุดท้าย... ”
“ คนสุดท้าย? ”
“ ใช้แล้ว ดูเหมือนองค์กำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ นายคิดว่าอย่างนั้นมั้ย? ” รอยยิ้มชวนมองนั้นปรายมา จนหนึ่งหยดแดงรู้สึกสังหรณ์ใจว่าคนตรงหน้านี้ไปรู้เรื่องอะไรมาหรือเปล่า โดยเฉพาะเรื่องที่เค้าคิดจะทำ….ในอนาคต
“ โชคดีนะ หนึ่งหยดแดง ”
นั้นเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เห็น “ หมื่นบุปผา ” เพราะหลังจากนั้นสามปีก็มีข่าวลือว่า หมื่นบุปผานั้นหนีไปจากองค์กร แต่อีกคำร่ำลือนึงก็คือภารกิจผิดพลาดจนโดนฆ่าตาย แต่ไม่ว่าจะข่าวไหนล้วนตรงกันเรื่องเดียวคือ ไม่พบศพของหมื่นบุปผา และหลังจากนั้นไม่นานลูกศิษย์คนสุดท้ายและนักฆ่าคนใหม่ก็ถือกำเนิดขึ้น ฝีมือและพรสวรรค์ในการฆ่านั้นไร้ที่ติจนได้ขึ้นเป็นอันดับ 1 ขององค์กร “ ไร้บุปผา ” (บ้อฮวย)


หนึ่งหยดแดงมองรูปภาพหลายใบบนโต๊ะ และสิ่งที่ทำให้เค้าตกใจมากที่สุดก็คือ ภาพเด็กผู้หญิงคนนึง เค้าจำได้แทบจะในทันที เด็กทารกคนนั้น ลูกของเค้า คาดคะเนจากรูปร่างหน้าในภาพถ่าย ตอนนี้น่าจะอายุได้สามขวบ ดวงตากลมโตแฝงแววขี้เล่น
“ เด็กเหล่านี้กำลังจะเข้ารับการฝึก ”  
ว่ายังไงนะ!
หนึ่งหยดแดงรู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้น เด็กหนุ่มเข้าใจดีว่าการฝึกฝนที่ว่าคืออะไร และเด็กคนนี้กำลังจะกลายเป็นอะไร


กำลังจะกลายเป็นเหมือนเค้า มือเล็กๆคู่นั้นจะต้องเปื้อนเลือด ต้องมองโลกเป็นสีเทาตลอดกาล
ไม่! เค้าจะไม่ปล่อยให้เกิดขึ้นโดนเด็ดขาด
ความคิดแสนอันตรายที่เคยเก็บงำไว้เริ่มเผยตัวตนออกมา


เค้าตัดสินใจแล้ว


ภายในคฤหาสน์หลังงาม ยามค่ำคืนที่ไร้แสงจันทร์ ค่ำคืนที่นักฆ่าลงมือ
โครม! ชายหนุ่มถูกเตะเข้ามายังอีกห้องนึง หนึ่งหยดแดงรีบลุกขึ้นทันที ถึงอีกคนจะอายุน้อยกว่าแต่ฝีมือนั้นไม่ใช่เลย ดูท่ากระต่ายขาวตัวนี้จะเก่งใช่เล่น
“ จะต่อรองกับผมเหรอ ”
“ ใช่ ฉันจะเป็นสายให้นาย ทำงานให้นาย ”
“ นักฆ่านี่เชื่อไม่ได้หรอกนะ ยิ่งจะทรยศองค์กรด้วย ” เป็นเสียงนุ่มติดแหลมของเด็กหนุ่มอีกคนที่เดินตามเข้ามา มือเรียวนั้นกระชับปีนในมือ แล้วเล็งมาทางหนึ่งหยดแดงที่กำลังลุกขึ้น
“ ลวี่ลู่…. ”
“ โดยเฉพาะนักฆ่าที่จะมาฆ่าชั้นน่ะ ” มือขยับขึ้นไกแล้วจ่อมาทางชายหนุ่มนักฆ่า เด็กหนุ่มแทบไม่อยากจะเชื่อว่าท่านลุงที่เค้าเคารพจะฆ่าเค้าเพียงแค่ว่าเค้าไปสนิทกับศัครูทางธุรกิจอย่างไป๋ทู่
“ จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่นาย ”
“ ข้อแลกเปลี่ยนละ ”
“ไป๋ถู่ ” ลวี่ลู่หันไปเตือน
“ นายจะต้องอุปการะเด็กคนนึง ” หนึ่งหยดแดงหยิบรูปถ่ายออกมาแล้วยื่นให้
“ เด็กคนนี้เป็นใคร ถึงสำคัญกับนายนัก ” สองสายตาประสานกัน ก่อนที่หนึ่งหยดแดงจะตอบออกมา
“ เป็นลูกของฉันเอง ”
“ 55555 นักฆ่าที่จะทรยศองค์กรเพื่อลูกงั้นเหรอ น่าสนุกดีนี่ ”
“ แต่ว่าจะให้เชื่อใจก็คงยากนะ ”
“ รอดูข่าวพรุ่งนี้ได้เลย ”

ในเช้าวันต่อมาไป๋ทู๋อ่านหนังสือพิมพ์แล้วสะดุดกับข่าวหน้า 1 แต่เป็นกรอบเล็กๆที่รายงานข่าวเรื่องนักการเมืองเก่าที่เกษียณจากงานแล้วประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตคาที่
เด็กหนุ่มแย้มรอยยิ้มเล็กน้อยก่อนจะยกถ้วยชาขึ้นดื่ม


การเจรจาสำเร็จด้วยดี แต่การนำตัวเด็กหญิงออกมานั้นยากยิ่งกว่า ถึงต้องการจะพาตัวออกมาแต่องค์กรจะต้องรู้และเด็กสาวจะต้องโดนตามล่า เค้าต้องการจะลบอดีต ลบทุกอย่าง เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีใครรู้เรื่องของเด็กสาว การเตรียมการนั้นจึงยากยิ่ง เมื่อชายหนุ่มจะต้องไม่แสดงพิรุธออกมา
ทำให้ต้องใช้เวลาถึง 2 ปี และเป็น 2 ปีที่หนึ่งหยดแดงใช้กำลังทั้งหมดยื้อเรื่องภารกิจแรกของเด็กหญิงไว้ แต่ก็ไม่สำเร็จ เด็กหญิงนั้นโดนพาไปรับการฝึกฝนแล้ว ในตอนนั้นชายหนุ่มเสียใจมาก เค้าจำไม่ได้ว่าออกจากองค์กร เดินกลับที่่ห้องตัวเองได้ยังไง ข้าวของในห้องพังได้อย่างไร เค้าเสียใจมาก


แต่ว่า…..ยังมีโอกาส


โอกาสมาถึงเมื่อภารกิจแรกของเด็กหญิงคือการลอบเข้าไปฆ่า โดยมีหนึ่งหยดแดงเป็นพี่เลี้ยงนั้นเอง


มันเป็นความผิดพลาดหรือโชคชะตาที่เจ้าของสวนทั้งสาม ไม่ได้ใส่ใจ เพราะคิดว่าเค้าคงจะไม่รู้ คิดว่าเด็กหญิงคนนี้เป็นแค่เด็กที่ถูกพามาเพื่อฝึกเป็นนักฆ่า


คิดว่าไม่รู้ว่า เด็กคนนั้นเป็นลูกสาวของเค้า


การเตรียมการมากมายก็เพื่อวันนี้ เมื่อเด็กหญิงเข้าไปในห้องเป้าหมายแล้วก็ต้องแปลกใจเพราะห้องนั้นไม่มีอะไรเลย เป็นห้องธรรมดา ในขณะที่รูสึกว่ามีใครอยู่ข้างหลัง แล้วมีมือมาปิดปาก เด็กหญิงดิ้นรนอย่างแรงเป็นการเปิดโอกาสให้ยาสลบเข้าไปในร่างกายง่ายขึ้น
ชายหนุ่มมองเด็กหญิงที่สลบไปก่อนจะอุ้มขึ้นมา เสียงเคาะประตูดังขึ้น เมื่อเดินไปเปิดก็เจอป้าแม่บ้านยืนอยู่
“ รูมเซอร์วิสค่ะ คุณชายโทรไปใช่มั้ยคะ ” ประโยคที่บอกเป็นนัยทำให้รู้ว่าเป็นคนของคุณชายนั้น ชายหนุ่มยื่นเด็กให้แต่โดยดี คุณป้าหย่อนเด็กลงในตะกร้าผ้า ก่อนจะเข็นออกไป หนึ่งหยดแดงเดินไปที่ทางเดินอีกทางหนึ่ง รอจนได้ยินเสียงปีนสามนัด จึงเลี้ยวออกมาวิ่งไปที่ห้องเป้าหมายเปิดประตูเข้าไป หยิบเข็มออกมาพุ่งเข้าไปเสียบทะลุสมองในทีเดียว ชายร่างใหญ่ล้มลงกับพื้น ชายหนุ่มงัดใต้เตียงออกมาพบห่อพลาสติด เมื่อเปิดออกมาก็มีศพเด็กผู้หญิงที่รูปร่างอายุใกล้เคียงกับเด็กหญิงคนนั้นมาก
ก่อนจะจุกไฟ แล้วรีบเดินออกมา


ทุกอย่างเสร็จสิ้น เค้าได้รับคำยืนยันจากคุณชายกระต่ายขาวว่าได้รับอุปการะเด็กสาวไว้แล้ว
แต่เรื่องยุ่งยากขึ้น เมื่อไม่รู้คุณชายถูกใจอะไรนักถึงกับรับมาเป็นน้องสาว อาจจะแค่อยากจะเก็บเด็กหญิงเอาไว้เพื่อเป็นตัวประกันไม่ให้เค้าทรยศ ถึงเค้าจะขัดใจแต่ไม่อาจต่อต้านได้ ข้อมูลเด็กหญิงถูกสร้างขึ้นมาอย่างดี เป็นลูกนอกสมรสของเจ้าของธุรกิจการโรงแรมหรือพ่อของคุณชายนั้นเอง
และเด็กหญิงได้รับชื่อ
….เซียวอั๊ง….


หลังจากนั้นเค้าก็กลับไปยังองค์กรเพื่อรายงานว่าเด็กหญิงตายแล้ว แต่ภารกิจสำเร็จ เจ้าของสวนทั้งสามดูเสียดายเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะมีเรื่องใหญ่กว่านั้น เรื่องที่ช่วงนี้งานขององค์กรสะดุดมาก จนหนึ่งหยดแดงก็ยังรู้สึกได้


….หนอนบ่อนไส้….

นั้นคือสิ่งที่หนึ่งหยดแดงคิด ถ้าถามว่าใครคือหนอน ก็เป็นตัวเค้านี่เอง แต่เค้าลอบส่งข้อมูลให้คุณชายไป๋ถู่เท่านั้น แต่ดูเหมือนข้อมูลอื่นๆ จะรั่วไปหลายทาง จนสุดท้ายยากจะคาดเดาว่าใครเป็คนปล่อยข่าว แต่ดูเหมือนเจ้าของสวนทั้งสามจะมีเป้าหมายในใจแล้ว
“ หมื่นบุปผายังไม่ตาย ”
“ ถ้าเป็นเด็กนั้นละก็ เป็นไปได้มาก ” เสียงแหบๆดังขึ้นจากอีกด้าน
“ เราจะส่งนักฆ่าที่เก่งที่สุดไป ”


ให้ลูกศิษย์ฆ่าอาจารย์ สมเป็นยัยป้าอำมหิตทั้งสามจริงๆ


งานนั้นสำเร็จ ไร้บุปผา หายไปเป็นเดือน จนเจ้าของสวนต้องไปตามจับกลัมา แต่ก็เสียมือดีไปเยอะ
และคราวนี้เป้นเค้านั้นเองที่ได้รับมอบหมายหน้าที่แสนอันตรายนี้


ผมสามารถพาไร้บุปผากลับมาได้
และได้รับคำยืนยันมาจากเจ้าตัวว่า หมื่นบุปผาตายแล้วจริงๆ
สิ่งที่ผิดแปลกนั้นก็คือ ดวงตาของไร้บุปผา นั้นมีแววตายิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน ดูเหมือนความตายของหมื่นบุปผา คงไปกระตุ้นอะไรเข้าสินะ
แต่แน่นอนว่า ค่าตอบแทนของการจะหนีจากองค์กรนั้นคือทัณฑ์ทรมานแสนสาหัส
เจ้าตัวก็ไม่ปริปากพูดอะไรทั้งสิ้นว่าทำไมจะหนีไป
ผ่านไปเป็นสัปดาห์ ไร้บุปผา ก็ดูไม่โอนอ่อนผ่อนตาม เจ้าของสวนจึงยื่นเงื่อนไขให้


เนื้อหาของงานก็คือการลอบสังหาร คุณชายไป๋ทู่ เพราะดูเหมือนแผนงานใหม่ของโรงแรมในเครือที่คุณชายดูแลอยู่จะไปขัดขาของคนใหญ่โตบางคน
และนักฆ่าที่จะถูกส่งไปก็คือ ไร้บุปผา นั้นเอง
ไร้บุปผารับคำ

หนึ่งหยดแดงลอบส่งข่าวเป็นครั้งสุดท้าย ชายหนุ่มผมดำหันมามองมองจดหมายที่อยู่บนโต๊ะ ก่อนจะหยิบขึ้นมาอ่านเป็นครั้งสุดท้าย แล้วเผาจดหมายนั้นเสียสิ้น เพราะเค้าคิดว่าได้เวลาแล้ว หลังจากนี้ สวนแห่งนี้จะกลายเป็นสวนเลือด!

เปลวเพลิงเริ่มลามเลียมาใกล้ ภายในห้องที่ตกแต่งงดงามเริ่มมีควันไฟเข้ามา
“ เป็นเธอเองเหรอ….หนึ่งหยดแดง ” เสียงแผ่วเบาของหญิงชราที่ถูกยิงเข้าที่หน้าอกเอ่ยขึ้น ไม่ต้องหันไปมองก็รู้เลยว่า พี่น้องอีก 2 คนได้สิ้นลมแล้ว ด้วยฝืมือของชายหนุ่มตรงหน้า
“ เธอจะต้องเสียใจที่ทำแบบนี้ ”
“ ผมไม่เคยเสียใจ ”


ปัง!


เสียงปีนดังขึ้นพร้อมความเจ็บปวดที่มาจากหัวไหล่ หนึ่งหยดแดงกัดฟัน หันปีนไปทางหญิงแก่แล้วสาดกระสุนจนหมด ร่างทั้งสามแน่นิ่งไป ชายหนุ่มเดินเข้าไปเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจ
เสียงระเบิดดังทั่วทิศ ไฟเริ่มลามมาที่ห้องนี้แล้ว เค้าต้องรีบ หนึ่งหยดแดงไปที่หลังร่างหญิงแก่ทั้งสาม มือซ้ายรีบคลำที่กำแพง ความร้อนจากไฟแทบจะเผามือ แต่ชายหนุ่มก็อดทนจนสามารถเจอช่องลับสำหรับเปิดประตู เมื่อเข้าไปก็ปรากฏคอมพิวเตอร์มากมาย แฟ้มเอกสารและตู้หนังสือ หนึ่งหยดแดงหยิบขวดพลาสติกใบเล็กออกมาแล้วราดไปทั่วห้อง
ต้องทำลาย ทุกอย่างจะต้องหายไป โดยเฉพาะข้อมูลของเด็กคนนั้น
สวนแห่งนี้จะต้องหายไป

----------------- To be continue ------------------


จบตอน 2 ตอนหน้าก็จะเป็นเรื่องราวที่หนึ่งหยดแดงทิ้งฉายาไปใช้ชื่อหงเย่ และได้พบเคย์โกะกับอายะ


เรื่องเซียวอั๊งก็คือตอนแรกไป๋ทู่ตั้งใจให้มาเป็นตัวประกันจริงๆ เพื่อควบคุมหนึ่งหยดแดง (เพราะยังไม่เชื่อใจกันเท่าไหร) แต่หลังจากมีเซียวอั๊งเป็นยาใจ(?) ก็เลยเปิดความเชื่อใจกันมากขึ้น จะว่าเป็นนายบ่าวแต่แนวพี่น้องอ่ะ
คุณพ่อของไป๋ทู่เป็นแนวนักธุรกิจเจ้าชู้ ไป๋ทู่ไม่ค่อยใยดีพ่อตัวเองเท่าไหร หนึ่งหยดแดงก็เคยถามว่า จะไม่มีปัญหาเหรอที่(สร้าง)ประวัติของเซียมอั๊งให้เป็นลูก ไป๋ทู่ก็เลยตอบว่า คนๆนั้นไม่มาสนใจอะไรหรอกครับ
แนวๆนี้ละมั้ง ฮา
ตอนนี้เขียนยากอย่างเดียวคือต้องระวังเรื่องระยะเวลา เพราะตอนแรกคิดไว้แค่เนื้อเรื่องคร่าวๆไม่ได้คิดเลยว่าใครอายุเท่าไหรแล้วตอนนี้ ฮา


วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2558

Lost in Paradise 1

Lost in Paradise 1 เมื่อลืมตา สีเทาหม่นหมองของบ้านเรือนเก่าคร่ำคร่า แต่แฝงไว้ดวยความอันตรายสุดแสน
สิ่งเดียวที่ตัดกับสีเทาก็คือสวนดอกไม้แสนสวย ที่มีสระน้ำและเก๋งจีนตั้งอยู่ สวนที่สวยงาม แต่แฝงไว้ด้วยความอันตราย...
ชายแก่คนหนึ่งออกมาชมสวน ภาระหน้าที่ทางการเมืองนั้นช่างหนักหนาจนไหล่นั้นคู้ลง
ดวงตาสีเทาอ่อน เฝ้าชมความงามของสวนอย่างค่ำคืน ดอกเหมสีชมพูแดง ออกดอกล้อกับแสงจันทร์ยามค่ำคืน
สายลมพัดมา ชายแก่ได้ยินเสียงลมกระทบกับใบไม้เท่านั้น เมื่อสายลมพัดผ่านไป ลมหายใจของชายแก่ก็หมดลง
เลือดหนึ่งหยดตกลงมาสู่ดินและถูกซึมซับหายไป


เสียงรองเท้าดังขึ้นตามทางเดินยาว เด็กหนุ่มผมดำ เดินผ่านทางเดินสวนไปเรื่อย ไม่มองถึงความงามของต้นไม้หรือดอกไม้ที่เหมือนพยายามดึงดูดสายตานั้นซักนิด
เด็กหนุ่มเปิดประตูที่อยู่สุดทางเดิน แล้วเดินเลี้ยวเข้าไปอีกห้อง
" ภารกิจเสร็จสิ้น "
หญิงแก่สามคนทีนั่งอยู่พยักหน้าเงียบๆ ก่อนจะผายมือ เด็กหนุ่มก้มหัวเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกไปแล้วปิดประตู เสียงแหบแห้งเริ่มพูดขึ้น
" ทีนี้พรรคแรงงานก็หมดสิ้นอำนาจแล้ว " หญิงแก่ที่นั่งอยู่ทางด้านขวาพูดขึ้น
" หนึ่งหยดแดงทำงานได้เยี่ยมจริงๆ "
" องค์กรของเราจะต้องรุ่งเรืองยิ่งกว่านี้ "
" แผนที่เราวางไว้ ใกล้จะสำเร็จแล้ว "

" เฮ้ หนึ่งหยดแดง " เสียงเรียกนั้นทำให้เด็กหนุ่มต้องหันกลับมามอง หมอหนุ่มคนนึงเดินมา พร้อมฉีกยิ้มกว้างให้ เจ้าหมอหนุ่มคนนี้เป็นคนแปลกๆ โดนลักพาตัวแต่ก็ยังทำหน้าระรื่น ให้ทดลองหรือวิจัยบ้าบออะไรก็ทำให้หมด
" มาด้วยกันซักแป๊ปสิ " แล้วเจ้าหมอหนุ่มก็เดินนำทางไปยังประตูบานนึง มือขยับบัตรที่ห้อยคอแตะเข้ากับระบบป้องกันจนประตูนั้นเปิดออก
" ที่นี่คือ... " ด้านหลังประตูบานนั้นคือทางเดินที่เหมือนทางเดินโรงพยาบาล หนึ่งหยดแดงมองห้องหนึ่งผ่านกระจก ข้างในมีเตียงผ่า และอุปกรณ์ทดลองมากมาย
" นี่เป็นงานใหม่ ของ " สวน " ของเรา " แล้วหมอหนุ่มก็พยักหน้าเป็นเชิงให้เดินตามเข้ามา เมื่อเข้าไปในห้องๆหนึ่ง ตรงกลางห้องมีตู้อบอยู่
ในทีแรกชายหนุ่มยังไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร จนเดินเข้าไปใกล้ๆ ถึงได้รู้ว่าในตู้อบนั้นมีเด็กทารกอยู่คนนึง
เด็กทารกผิวขาวกำลังนอนหลับอยู่ หมอหนุ่มเดินเข้าไปแลั้วเปิดตู้อบ อุ้มเด็กขึ้นมาส่งให้หนึ่งหยดแดงที่ยืนนิ่งอยู่ ในทีแรกหนึ่งหยดแดงไม่อยากจะรับมาเท่าไหร
แต่หมอหนุ่มตรงหน้าก็พยายามยัดเยียดให้เหลือเกินจนเค้าต้องจำใจรับมา
น้ำหนักและความอบอุ่นของเด็กทารกทำให้ชายหนุ่มแปลกใจนิดหน่อย ยามสัมผัสแรกมันให้ความรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาจากภายใน ทำให้ชายหนุ่มกระชับอ้อมแขนที่มีทารกอยู่อย่างไม่รู้ตัว

ร่างน้อยๆในอ้อมกอดนั้นเริ่มขยับดุ๊กดิ๊ก และสาบานได้เลยว่าเป็นครั้งแรกที่ทำให้นักฆ่าอย่างเค้าไม่กล้าขยับตัว! เคยเจอสถานการ์ณที่อันตรายมานักต่อนัก ทั้งปีนนับสิบที่เล็งมา ยังไม่นับเท่าความกลัวที่จะทำให้เด็กน้อยในอ้อมกอดหลุดมือเลย
ดวงตาเล็กๆนั้นลืมขึ้น ตากลมโตใสเหมือนลูกแก้วจ้องมองมา แล้วปากก็ขยับส่งเสียงอ้อแอ้พร้อมรอยยิ้ม

เรียกความรู้สึกแปลกประหลาดแต่ช่างคุ้นเคยในตัวหนึ่งหยดแดงออกมา
“น่ารักมั้ย เด็กคนนี้น่ะ ”
น่ารัก? อา จะว่าไปก็เป็นไปตามคำนี้ได้อยู่ แก้มขาวชมพูเปล่งปลั่ง ดวงตากลมโตราวลูกแก้วแวววาว ปากขยับอ้อแอ้เหมือนจะเป็นรอยยิ้ม ทุกสิ่งนั้นแทบจะให้ใบหน้าของหงเย่กระตุกยิ้มโดยไม่รู้ตัว แต่เสียงของเจ้าหมอหนุ่มนั้นก็ดังขึ้นมาเสียก่อน ทำให้เจ้าตัวรู้สึกตัว
“ ...ตอนนี้องค์กรกำลังมีแผนใหม่ ” อยู่ๆเจ้าหมอหนุ่มก็เริ่มเรื่องขึ้น ชายหนุ่มผมดำหันไปเลิกคิ้วใส่เล็กน้อยเป็นเชิงสงสัย
“ ปกติองค์กรจะไปลักพาตัวเด็กเพื่อมาฝึกฝนเป็นนักฆ่า นายรู้ใช่มั้ย... ” หนึ่งหยดแดงพยักหน้า เพราะตัวเค้าก็เป็นหนึ่งในเด็กที่ถูกลักพาตัวมาเหมือนกัน เหมือนโลกพลิกกลับ จากโลกที่สว่างไสวกลายเป็นสีเทาหมองหม่น  
พลางครุ่นคิด หรือว่าเด็กคนนี้ก็จะเป็นเด็กที่โดนลักพาตัวมา ไม่สิ ถ้าจะเอามาฝึกเป็นนักฆ่าสู้ลักพาตัวเด็กที่โตหน่อยย่อมดีกว่าเด็กทารกที่ต้องเสียเวลาเลี้ยงดูอีก
“ แต่ว่าการลักพาตัวเด็กเพื่อเอามาเป็นนักฆ่านั้นก็มีข้อเสีย รู้ไหมว่าทำไม ”
“ เพราะใช่ว่าเด็กทุกคนจะเป็นนักฆ่าได้ ” ในอดีตการฝึกที่โหดเหี้ยวทารุณนั้นเป็นสิ่งยืนยันอย่างดี จับเด็กมารวมกันและให้ฆ่ากันเอง!
หนึ่งหยดแดงเป็นเด็กไม่กี่คนที่ชนะในลานสังหารนั้น

“ ถูกต้อง ทีนี้ ยัยป้าสามคนนั้นก็เกิดความคิดว่า ในเมื่อองค์กรมีนักฆ่าฝีมือดีอยู่เยอะ ทำไมไม่สร้างขึ้นมาเองเลยละ ” พอมาถึงตรงนี้ดวงตาของหนึ่งหยดแดงก็เบิกกว้าง
…...หรือว่า…..
หมอหนุ่มเมื่อเห็นท่าทางของเด็กหนุ่มตรงหน้าก็ยิ้มกริ่ม
“ เอาอสุจิและไข่ของนักฆ่าที่เก่งที่สุดมาผสมกันแล้วไปฝากให้หญิงอุ้มบุญไงละ และผลลัพธ์ที่ได้ก็คือเด็กคนนี้ ” เด็กหนุ่มฉายาหนึ่งหยดแดงนิ่งค้าง ความอบอุ่มของทารกน้อยที่อุ้มอยู่เปลี่ยนเป็นความเยือบเย็น
“ เด็กคนนี้ คือลูกของนาย ”
ปัง
เสียงปิดประตูดังขึ้น เมื่อหนึ่งหยดแดงกับหมอหนุ่มเดินออกมาจากห้องนั้น หมอหนุ่มทำท่าจะเดินจากไปแต่ว่า….
“ ….นายให้ฉันมาเจอเด็กคนนี้ทำไม ” เพราะฟังจากปากเจ้าหมอหนุ่มแล้วเรื่องพวกนี้ย่อมต้องเป็นความลับสุดยอดที่ต้องมีแต่ระดับผู้บริหารสูงสุดเท่านั้นที่รู้
“ มันก็แค่การทดลองนิดๆหน่อยๆ ที่ฉันอยากรู้ ”
“ การทดลองอะไร ” คิ้วเริ่มขมวดมุ่น ไม่ชอบใจนักยามคิดว่าทารกน้อยนั้นจะโดนจับทดลอง แต่หมอหนุ่มเหมือนจะล่วงรู้ความคิดนั้น เสียงหัวเราะเบาๆดังออกมา
“ การทดลองว่านักฆ่าอย่างนายมีหัวใจมั้ย ”   

ในตอนแรกเค้าก็คิดว่าก็คงจะลืมเลือนเรื่องนี้ได้ คิดเสียว่าเป็นการล้อเล่นของเจ้าหมอหนุ่มที่ได้ฉายาว่าอัจฉริยะนั้น แต่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่วัน กี่สัปดาห์หรือกี่เดือน หนึ่งหยดแดงก็ไม่สามารถลืมดวงตากลมโตที่จ้องมองมาได้เลย บางทีเค้าก็เดินตามเจ้าหมอหนุ่มเค้าไปดูเด็กทารกคนนั้นบ่อยๆ ไม่รู้เพราะสาเหตุอะไร แค่ไปยืนมองจนซักพักเค้าก็เป็นฝ่ายเดินออกจากห้องไปเอง 

หนึ่งหยดแดงเคยพยายามแฮกข้อมูลเด็กทารกตัวน้อยนั้น แต่ว่าทั้งหมดมันคือความลับสุดยอด ข้อมูลทั้งหลายถูกเข้ารหัสป้องกันสูงสุด เหตุการณ์แบบนี้ดำเนินไปเป็นเดือน จนกระทั่งวันหนึ่งชายหนุ่มไม่สามารถทำได้อีก เพราะว่าเจ้าหมอหนุ่มนั้นอยู่ๆก็หายไปจากองค์กร
ดูเหมือนเจ้าของสวนทั้งสามจะไม่ยี่หระกับการหายตัวไปของเจ้าหมอหนุ่มนั้นซักเท่าไหร
ไม่รู้ว่าที่หายไปเพราะหนีไป หรือมีคนทำให้หายไป….
ไม่ว่าจะสาเหตุไหนแต่เด็กทารกน้อยนั้นเริ่มเติบโต หนึ่งหยดแดงเริ่มเห็นเด็กคนนั้นที่ห้องอื่นมากขึ้น
มันเป็นสัญญาณ เป็นสิ่งที่หนึ่งหยดไม่อยากให้เกิดขึ้นมากที่สุด
และมันทำให้เกิดความคิดแสนอันตรายขึ้นมา ----------------- To be continue ------------------ เหวย........มันยาวมาก เขียนเองยังตกใจเอง จริงๆอยากจะลงทีเดียวให้จบไปเลย แต่ก็นั้นแหละ ยาว (และยังไม่เขียนไม่จบ ฮา)

วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2558

[ % ] - After mid night

ยังอยู่ในเนื้อเรื่องรูท [ % ] ค่ะ ต่อจาก [ % ] - In 10 minutes และ [fic] 50% by Oni

------------------------------------------ อายะมองโทรศัพท์มือถือที่ปิดลง แล้วหันไปทางรถหรูที่แล่นไป ดวงตานั้นราวกับจับจ้องบางอย่างอยู่ก่อนจะหันกลับมาทางลุงขายรามเมนที่ยังยืนอึ้งอยู่ไม่หาย พร้อมได้ยินเสียงบ่นพึมพำว่า เพิ่งจะเคยเจอลูกค้าใส่สูท นั่งรถหรูมากินราเมนรถเข็น  ชายหนุ่มผมสีทองยิ้มน้อยๆ ก่อนจะจ่ายเงินค่าอาหาร แล้วจากไปเพื่อขึ้นรถไฟ

ขาเรียวก้าวลงจากสถานีรถไฟเพื่อเดินทางกลับบ้าน ช่วงนี้เคย์โกะไป “ ทำงาน ” มันคล้ายเป็นการเปิดช่องให้หงเย่ใช้งานเค้า ถึงจะไม่ค่อยชอบใจเพราะเหมือนโดนผู้ปกครองกลายๆ บังคับ แต่ก็บอกได้เลยว่าเค้าไม่สามารถขัดขืนหงเย่ได้ เนื่องจากหลายๆอย่าง ทั้งตำแหน่งผู้ปกครอง และทั้งความเก่งกาจนั้น….


เด็กหนุ่มหยุดชะงักที่บ้านญี่ปุ่นชั้นเดียว มือล้วงเอากุญแจออกมาไขเพื่อจะเข้าไปในบ้าน ทางเดินด้านในมืดสนิท ทางเดินริมสวนมีแค่แสงจันทร์จากฟากฟ้าเท่านั้นที่ช่วยให้อายะพอมองเห็นทาง ขาเรียวรีบก้าวไปยังห้องนอนที่อยู่ด้านใน เพราะก็ดึกมากแล้ว ยิ่งพรุ่งนี้เป็นวันเรียนทำให้เค้าต้องตืนแต่เช้าเพื่อไปรับฮารุที่บ้านใหญ่
อีกแค่ไม่กี่ก้าวก็จะถึงห้องนอน จู่ๆอายะรู้สึกเหมือนโลกหมุน รับรู้ความรู้สึกผิดปกติที่ขา และความเจ็บจุกจากการกระแทกพื้น เด็กหนุ่มรีบลุกขึ้นนั่งทันที เมื่อดวงตาโฟกัสได้จึงเห็นชายหนุ่มผมสีดำตาคม ยืนยิ้มอยู่


…ไม่ต้องเดาเลย…


“ หงเย่….? ”
“ ใช้ไม่ได้นะ อายะ ไม่ระวังตัวเอาซะเลย ”  เด็กหนุ่มหน้ามุ่ย เมื่อรู้ตัวว่าโดนคนตรงหน้าแกล้งซะแล้ว
“ คุณก็เลิกมาจู่โจมผมในบ้านซักที ไม่งั้นผมจะฟ้องเคย์โกะ ”
“ เธอก็เก่งขึ้นให้ได้ก่อนซิ เรื่องจะได้ไม่ถึงเคย์โกะ ” คำพูดยอกย้อนพร้อมร้อยยิ้มกวนๆส่งมาให้ ยิ่งทำให้หน้าของเด็กหนุ่มมุ่ยลงไปอีก การกระทำของหงเย่แบบนี้จะว่าเป็นการทดสอบก็ไม่เชิง แต่ชอบมาเล่นทีเผลอ จู่โจมเค้าอยู่เรื่อย
แล้วเค้าที่เด็กกว่าจะเอาอะไรไปสู้กับนักฆ่ามือพระกาฬได้ละ ถึงบางทีจะโมโหจนโต้ตอบแล้วก็เป็นตัวเองที่ต้องเจ็บตัวซะมากกว่า
“ งานครั้งนี้ก็ขอบใจนะ ไม่งั้นกว่าจะได้ข้อมูลมาก็คงลำบาก ” ชายหนุ่มผมดำนั่งลง พลางส่งยิ้มมาให้
“ ลำบากมากสิครับ เกือบออกมาไม่ได้ ”
“ แต่ก็ออกมาได้ไม่ใช่เหรอ ” รอยยิ้มถูกส่งมาให้ เหมือนบอกเป็นนัย อายะยังทำหน้านิ่ง แต่ในใจนึกสงสัยหงเย่ว่าที่บอกว่ารอข้างนอกน่าจะไม่ใช่ละ
“ คุณรู้จักเค้าด้วยเหรอ ”
“ หายากนะเนี่ยที่เธอจะสนใจคนอื่น ”
“ ก็ผมต้องเอาเสื้อไปคืน ”
ทีนี้ละ ไอ้รอยยิ้มยียวนเหมือนจะรู้อะไร นั้นชวนให้อายะอยากจะหาอะไรมาปิดนัก แต่ก็ได้แต่คิดละนะ
“ ลูกชายคนรองของท่านทูตจากเยอรมัน….ก็..ไม่มีอะไรน่าห่วง ” เด็กหนุ่มเลิกคิ้วให้กับคำว่า “ ไม่มีอะไรน่าห่วง ”
มองในอีกมุมนึงการปรากฎตัวของลูกชายท่านทูตในงานเลี้ยงของคนดังในแวดวงสังคมไม่ใช่เรื่องแปลก ถึงจะโผล่มาในงานที่หงเย่เข้าไปขโมยข้อมูลธุรกิจของนักธุรกิจคนนึงก็เถอะ
……..มันจะไม่เป็นไรจริงหรือ?.........
“ ก็รู้หรอกว่าลูกเราหน้าตาดี นี่ไม่นึกว่าถึงขั้นมีคนหล่อ รวยมาจีบ…. ”
“ หงเย่…. ”
“ ถ้าคนนี้คุณพ่อโอเคนะ ” ชายหนุ่มผมดำหัวเราะอย่างชอบใจ เมื่อเห็นดวงตาวาวโรจน์ที่บ่งบอกความโกรธได้เป็นอย่างดี มือเอื้อมจะไปโอบไหล่เด็กหนุ่ม แต่อายะดีดตัวขึ้นพร้อมถอยห่างออกไป เรียกสีหน้าแปลกใจเป็นคำถามจากหงเย่ และมีแต่แววตาไม่พอใจตอบกลับมาเท่านั้น
“ อายะ…. ”
“ ผมง่วงแล้ว ขอตัวก่อน ” ร่างเพรียวของเด็กหนุ่มเดินหายไปกับความมือก่อนที่หงเย่จะได้ยินเสียงปิดประตูเบาๆ ใบหน้าเงยมองพระจันทร์ที่กำลังถูกเมฆบดบัง
“ ฮิฮิ เรื่องมันชักจะเริ่มสนุกแล้วละ ”


------------------------------------------


เด็กหนุ่มผมสีทองยินอยู่ภายในห้อง ดวงตาเบนไปที่ประตูก่อนจะถอดถอนใจ เมื่อสักครู่เค้าเพิ่งปฏิเสธหงเย่ ตอนที่ขอตัวเดินออกมา เค้ารู้สึกถึงรังสีอำมหิตได้เลย การที่ชายหนุ่มไม่ตามมาและไม่ว่าอะไรนั้นทำให้เค้าโล่งใจ ไม่รู้ไปสืบมาถึงไหน


…..ทางที่ดีเค้าควรจะตัดไฟเสียแต่ต้นลม…..


มือเรียวหยิบมือถือออกมาจากแจ๊กเกตสีน้ำเงินเข้ม นิ้วดันฝาพับให้เปิดขึ้น กดไปที่ข้อความล่าสุด อายะมองข้อความนั้นอย่างชั่งใจ……..ก่อนจะปิดมือถือวางไว้บนโต๊ะก่อนจะล้มตัวลงนอน
เปลือกตาปิดลง


…..ลองดูท่าทีซักพักก่อนก็ได้…….

----------------- End ------------------

ขอย้ำตรงนี้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างหงเย่กับอายะก็เป็นไปแบบพ่อ-ลูก เท่านั้น ไม่มีอะไรในกอไผ่ทั้งสิ้น ฮา แต่ว่าไม่รู้จะงงตอนจบมั้ย พยายามจะเขียนให้เคลียร์ แต่ก็บอกหมดไม่ได้ ก็เลยต้องเป็นแบบนี้แหละ
มันยังติดอยู่ในหัวนิดหน่อยเลยขอเขียนอีกนิด มี hint เล็กน้อยคือ ในรูทหลัก หงเย่ก็เคยเล่นทีเผลออายะมาแล้ว (แต่อายะรู้สึกตัวก่อน) แล้วหงเย่ก็พูดถึงสมัยก่อนที่อายะยังไม่เก่งเท่าไหรก็มักจะโดนเล่นทีเผลอแบบนี้แล ^^!