วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2559

At First

* อนึ่ง ในฟิคเรื่องนี้ใช้ระบบ PvP ในการจัดอันดับ LV นะคะ (มั่วทั้งนั้น ฮา)

----------------------------------------------

เสียงเพลงบรรเลงจากพิณที่อยู่ในมือของพี่ชายคนโตหยุดลง พาให้ใบหน้านิ่งเฉยของเบอร์มันต้องหันมอง 
พี่ชายที่ส่งรอยยิ้มมาให้...
" โชคดีนะ เบอร์มัน "

" นักดาบเบอร์มัน! เตรียมเข้าสนาม "
เสียงเรียกเจ้าหน้าที่สนามคนนึงดังขึ้น พาให้ดวงตาสีเหลืองทองหันไปมอง ก่อนจะลุกขึ้นกระชับดาบในมือ แล้วเดินตามเจ้าหน้าที่สนาม
ชายหนุ่มผมทองเดินออกไปที่ลานประลองภายในห้องขนาดใหญ่ที่นึง
ห้องนี้เป็น 1 ในลานประลองจัดอันดับนักดาบที่จัดขึ้นทุกปี เพื่อให้นักดาบมาประลองกันเพื่อจัดอันดับความสามารถ ตั้งแต่ระดับ 1-100

" อย่ามองแต่อันดับสิ ต้องมองรอบๆด้วย " พี่ชายผมแดงในชุดนักธนูหันมาแย้มยิ้มให้ ดวงตาสีเหลืองทองนั้นมองพี่ชายอย่างแปลกใจ แล้วอาการแบบนั้นยิ่งเรียกรอยยิ้มจากพี่ชายยิ่งขึ้นไปอีก
" ใช้ชีวิตให้มันสนุกหน่อย "

" นักดาบเบอร์มัน ชนะ! " เสียงเจ้าหน้าที่ดังจากข้างสนาม เมื่อคู่ต่อสู้ส้มลงไป เบอร์มันปากเหงื่อออกจากใบหน้า ชายหนุ่มยืนนิ่งเพื่อพักเหนื่อยรอคู่ต่อสู้คนต่อไป
เค้าฝึกหนักมาเพื่อการนี้ สู้กับมอนสเตอร์มากมายเพื่อฝึกฝน เพื่อจะก้าวไปสู่อันดับที่สูงขึ้น
ทั้งหมดเพื่อหวังว่าสักวัน จะได้ร่วมผจญภัยกับพี่ชาย

เสียงรองเท้าเหล็กกระทบพื้นจากด้านหลัง ทำให้ชายหนุ่มละจากความคิดแล้วหันกลับมาเพื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้....

" ดูผิดหวังเลยนะ เบอร์มัน " เสียงกลั้วหัวเราะจากชายหนุ่มผมแดง ยิ่งทำให้เบอร์มันรู้สึกขุ่นเคืองพี่ชายที่คิดว่าจะไปเป็นฮันเตอร์ กลับไปสมัครสอบเป็นนักดนตรี แต่กระนั้นใบหน้านั้นก็แทบจะไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมา แต่ก็ไม่พ้นการรับรู้ของแร็กดอลไปได้ 
" นี่เป็นสิ่งที่ชั้นอยากจะทำ " ชายหนุ่มผมทองขมวดคิ้วเล็กน้อยแสร้งเหมือนไม่เข้าใจ ยิ่งเรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากชายหนุ่มผมแดง
" เรายังเป็นพี่น้องกันใช่ไหม ถึงจะไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน " ชายหนุ่มผมแดงกระชับพิณในมือขึ้น ดวงตาสีเหลืองทองอ่อนแสงลง 
" ทำสิ่งที่อยากทำเถอะนะเบอร์มัน โลกนี้ยังมีอะไรอีกมากให้นายได้เรียนรู้ " ปลายนิ้วเรียวกรีดลงบนเส้นเสียงพิณ บรรเลงเพลงทำนองอ่อนหวาน.... 

ดวงตาสีเหลืองทองสบกับดวงตาสีแดงแรงกล้าของหญิงสาวผมแดงที่ยืนอยู่เบื้องหน้า ดาบในมือกระชับเพื่อเตรียมตัวต่อสู้ ดวงตาสีแดงที่มองตรงมานั้นแทบทำให้ละสายตาไม่ได้
มุมปากชายหนุ่มยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย

ผมเจอสิ่งที่สนใจแล้วละครับ แร็กดอล

----------------------------------------------

ไม่นึกว่าจะมีวันที่ต้องเขียนฟิคแร็กนาร็อกตัวละครของตัวเอง 5555
จะว่าไปไม่เคยคิดต่อยอดเนื้อเรื่องให้เด็กๆเลยนะ 
(แต่ถ้าเป็นเวอร์ชั่น AU นี่เนื้อเรื่องไปไกลโขละ 555)

ยกความดีความชอบให้ RO EXE ที่พอไปเล่นแล้วคิดถึงเด็กๆ ตอนนั้นมีแร็กดอลที่อัพอาชีพสำเร็จ นอกนั้นไม่รอด เลิกเล่นไปเสียก่อน ^^!

ไม่รู้อ่านแล้วงงหรือเปล่า เพราะเขียนสลับไปสลับมา
อยากเขียนตอนแรกที่เจอกับบลัดมูน แต่นี่จำไม่ได้แล้วนะ จำได้แต่ว่ามีคนมาขอ(?)ก็เลยยกเจ้าคนรองนี่ให้ ฮา
คือแบบลืมไปหมดแล้วอ่ะ ขอโทษการ์ด้วย ^^!

วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Perfume

*คำเตือน - เนื้อหาใดๆ ต่อไปนี้เกิดจาก ความคิดเห็นส่วนตัว ของเราทั้งสิ้น บางเรื่องสามารถหาหลักฐานอ้างอิง บางเรื่องก็ไม่ได้ ดังนั้นอ่านอย่างพิจารณานะคะ คิดต่างอย่างสุภาพได้ค่ะ

พอตามไปเรื่อยก็อยากรู้ความหมายเพลงค่ะ
ยอมรับว่าตอนแรกที่อ่านเนื้อเพลงแปลอังกฤษถึงกับมึนตึ้บ แบบมันหมายถึงอะไรเนี่ย ฮา
แล้วพอเข้าไปอ่านที่แฟนๆวิเคราะห์ หรือหาข้อมูลของเพลง ก็ทำให้พอจะเข้าใจความหมายได้นิดนึง ^^!

Perfume - Chocolate Disco



- เป็นเพลงแรกที่ทำให้เราติด perfume ค่ะ ฮา
ตอนแรกก็แบบ เพลงอะไรเนี่ย มีแต่ Chocolate disco
แต่ตอนนั้นก็ยังไม่รู้ว่าไอ้เท่อนนี้นี่แหละ ที่ทำให้เราหันมาติด
เพราะหลังจากนั้นคำว่า Disco Disco Disco ก็ดังอยู่ในหัวเรา จนต้องหลับมาฟังอีกรอบ ฮา
- เป็นเพลงที่ทำให้รู้สึกว่า อ๋อ นากาตะ มองวาเลนไทน์เป็นแบบนี้เองเหรอ ฮา


Perfume - polyrhythm



- เพลงที่ตอนที่ยังไม่รู้จัก perfume (ไปอ่านในเน็ต) เค้าแนะนำกันว่า ให้ลองฟังเลพงนี้ก่อน
แต่ก็ขอสารภาพว่า ฟังครั้งแรกไม่ประทับใจค่ะ เพลงนี้ก็ความหมายดีค่ะ
แฟนๆอาจจะรู้อยู่แล้วว่า เพลงนี้ถูกใช้ในการรณรงค์เรื่องการรีไซเคิล เพลงก็เลยมีเนื้อหาถึงการวนเวียน
ใน mv ก็มีสัญลักษณ์ ที่เป็นเกลียว เป็นวงกลม อยู่เหมือนกัน 
- เพลงนี้ตอนแรกเราฟังแล้วเฉยๆ ไม่ประทับใจ แต่สาวๆสวยทุกคน เห็นแล้วก็คิดว่า เออ น่ารักดีนะ แต่ก็จบแค่นั้นน่ะค่ะ แฮะๆ 

Perfume - Electro world



- เพลงนี้เป็นเพลงที่ชอบมาก มีอยู่ช่วงฟังแล้วติดเลย อ่านเนื้อเพลงแล้วก็งงเหมือนเดิม ฮา
พอหาไปหามาก็เจอว่าเพลงนี้ถูกใช้เป็นเพลง RockmanOnline ทีนี้ละ เนื้อเพลงที่อ่านมาถึงบางอ้อ ในทันที โดยเฉพาะท่อน

who flipped the switch on for this world?
ah, soon it will be no more
Electro world

( Perfume - Electro world http://www.perfume-city.com/lyrics/15/Electro%20World/  )

- สำหรับเรา เราว่า Electro world เป็นส่วนขยายของ Computer city ฮา



Perfume - Communication




- โอ้ย เพลงนี้ชอบมาก ชออเนื้อเพลง ชอบท่าเต้น ชอบทุกอย่างเพราะทั้งหมดมันสัมพันธ์กันทั้งเพลง
คือท่าเต้นเข้ากับเพลงและเนื้อเพลงมาก ที่ชอบที่สุดคือ

“If the person I love fell from the sky suddenly…”
i try to think of how i'd catch him but it's too difficult

โอ้ย อ่านแล้วขำอ่ะ แล้วยิ่งต้องดูท่าเต้น มี่เหมือนยื่นมือออกไปรับ คือมันเข้ากันพอดี
กับอีกท่อนคือ

Give me Give me コミュニケーション
Give me Give me komyunikeeshon

ハートをつないで
haato wo tsunaide

แล้วท่าเต้นก็ทำมือเป็นเหมือนนก บินออกไป ชอบมาก
ในเนื้อเพลงมีคำว่า ハート ( Hato ) คำนี้ในภาษาญี่ปุ่นมันพ้องเสียงค่ะ
พ้องเสียงระหว่างคำว่า Hato = นกพิราบ กับ Hato (Heart) = หัวใจ ค่ะ
ทีนี้พอเห็นท่าเต้นจะร้องอ๋อเลย เห็นแล้วคิดว่า เข้าใจคิดนะคะ อ.มิกิโกะ มันน่่ารักมากๆอ่ะค่ะ

แล้วอีกอย่างเพลงนี้ใช้โฆษณาขนม KANRO Pure Gummy ค่ะ


ถึงได้เป็นความรักเปรี้ยวอมหวานสินะ ฮา 
- คิดว่าถ้าเพลงไหนใช้ประกอบโฆษณานี่เนื้อหาเพลงจะเข้าถึงง่ายอยู่นะ ฮา 


Perfume - My color




- เพลงนี้ก็เป็นอีกเพลงที่ตอนแรกฟังแล้วเฉยๆ คือรู้สึกว่ามันเพราะ แต่ก็ยังไม่ได้ประทับใจอะไร 
จนกระทั้งไปดู......ไม่แน่ใจ น่าจะเป็นเบื้องหลังของ perfume world tour 1st มั้งคะ 
ที่สามสาวจะเลือกเพลงอังกอร์ สามสาวก็บอกว่าต้องเป็น My color 
ตอนนั้นก็แบบ อ้าว ทำไมเลือกเพลงนี้ เพลงนี้มันมีความหมายอะไรงั้นเหรอ?
พอไปหาเนื้อเพลงมาอ่าน โอ้โห ชอบมากๆเลยค่ะ เพลงอะไรนี่ ประทับใจมาก
เราตีความว่า MY color คือ โทรศัพท์มือถือค่ะ ในเพลงจะบอกว่า มือของคุณที่เหมือนหับหน้าต่าง เชื่อมต่อกับทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก เมื่อชั้นใส่ที่อยู่ของคุณลงไปก็จะสามารถส่งข้อความ และรู้สึกถึงคุณได้ .....

- อ่านแล้วเข้าใจเลยว่าทำไมตอนนั้นสามสาวถึงเลือกเพลงนี้เป็นเพลงอังกอร์ส่งท้าย world tour ค่ะ 
มันให้ความรู้สึกว่า พวกเรายังติดต่อกันได้นะ ยังสามารถเชื่อมถึงกัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลกค่ะ 

Perfume - Voice 



- นี่เป็นเพลงที่............ก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร ฮา
แต่เพลงนี้จากคลิปนี้ คนแปลเพลง(เขียนไว้ในคลิป)ว่า มีอยู่ท่อนที่นากาตะ(น่าจะ)ได้แรงบัลดาลใจจาก สุนทรพจน์ของสตีฟ จอบส์ ค่ะ
ก็คือท่อน 

点と点をつなげてこ
everythingを合わせてこ

แปล eng 
Connect the points
And join everything


ซึ่งน่าจะมาจาก 
" การเชื่อมโยงต่อจุดแต่ละจุด "
"....คุณไม่มีวันเชื่อมโยงเหตุการณ์ได้ด้วยการมองไปข้างหน้า คุณโยงเส้นต่อจุดนี้ได้ก็เพราะว่ามองมันกลับมา ดังนั้น สิ่งที่คุณต้องทำก็คือการเชื่อมั่นว่า จุดต่างๆนั้น จะเชื่อมต่อกันทางใดทางหนึ่งในอนาคต คุณต้องศรัทธาในบางสิ่ง อาจจะเป็น พลังแห่งความกล้าหาญ, โชคชะตา, ชีวิต, กรรม หรืออะไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้เอง ที่ทำให้ผมไม่เคยสิ้นหวัง และกล้าที่จะเผชิญความเปลี่ยนแปลงต่างๆในชีวิตต่อมา..."

Jobs on “connecting the dots” in life

“…you canit connect the dots looking forward; you can only connect them looking backwards. So you have to trust that the dots will somehow connect in your future. You have to trust in something – your gut, destiny, life, karma, whatever. This approach has never let me down, and it has made all the difference in my life…”

( สุนทรพจน์ดีๆที่สตีฟ จ๊อบ เคยได้ฝากเอาไว้ http://blog.eduzones.com/rangsit/83374 )

- แต่อันนี้ก็เป็นการคาดเดานะคะ เพราะไม่มีอะไรยืนยัน นอกจากเนื้อเพลงที่มีความคล้ายเท่านั้นเอง 
- อันนี้เป็นความคิดส่วนตัวขำๆของเราเอง ว่าเพลง my color เหมือนแรงบันดาลใจจาก Widows ส่วน Voice คือ แรงบันดาลใจจาก Apple (อันนี้สุดๆแห่งความมโนและเดาของเราเองค่ะ 5555555) 

Perfume - 575 




- เกือบลืมเพลงนี้ เพลงนี้ถูกใช้เป็นเพลง โฆษณาของโทรศัพท์มือถือ Light pool 



- ดูแล้วกรีดร้อง อยากได้มือถือเลยค่ะ งื้อ มันสวยมากกกกกกกกกกกกก
โอ้ย อิจฉาญี่ปุ่นที่มีมือถือฝาพับสวยมากๆ
- ที่มาของชื่อเพลง 575 มาจากลักษณะการเขียนกลอนของญี่ปุ่น คือ กลอนไฮกุ ค่ะ 
กลอนนี้จะมี 3 วรรค วรรคแรก 5 คำ วรรคสอง 7 คำ และวรรคสาม 5 คำ 
และนี่เป็นที่มาของชื่อเพลงและเนื้อเพลงค่ะ โดยเพลงนี้ในเนื้อเพลง นากาตะก็เขียนเนื้อเพลงแบบกลอนไฮกุ แบบ 575 น่ะค่ะ (ต้องไปหาเนื้อเพลงดูแล้วจะอ๋อค่ะ)
- อันนี้ก็ความคิดเห็นส่วนตัวเรานะคะ เนื่องจากเพลงนี้อยู่ในอัลบั้ม JPN ที่มีเพลง natural ni koishite
กับ Fushizen na Girl ที่มีแฟนก็จับได้ว่า 2 เพลงมันสื่อถึงกัน (เพราะตอนขายเป็นซิงเกิ้ล ก็เป็น 2 เพลงนี่คู่กัน แถมเพลงนึงเป็น natural อีกเพลงเป็น unnatural อีก)
คือมีท่อนนึงใน natural ni koishite ที่ร้องว่า ที่รัก คุณได้อีเมล์จากใครกัน? เพราะคุณเนื้อหอมจนฉันรู้สึกกังวลเลย (ฮา) 
แล้วเพลง Fushizen na Girl ( Unnatural girl ) เราแปล(เอง) ว่าผู้หญิงที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง เพราะในเนื้อเพลงจะพูดถึงว่า เธอได้ตกหลุมรักผู้ชายคนนึงแล้ว และไม่สามารถหยุดคิดถึงหรือหยุดรักเธอได้....
แถมมีท่อนนึงที่บอกว่า ได้ส่งอีเมล์ไปหาเธอ(ผู้ชาย) 
- พอมาเพลง 575 ที่มีเนื้อเพลงพูดถึงการส่งอีเมล์ แถมท่อนแรกก็มาว่า ไม่อยากจะแพ้ในรักครั้งนี้ อีก 
อ่านเนื้อเพลงแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่านี่คือผู้หญิงในเพลง Fushizen na Girl ใช่มั้ย
- เป็นอีกครั้งที่คิดว่านากาตะนี่เข้าใจผู้หญิงดีชะมัด = ="

Perfume - Spice 



- อีกเพลงที่แม่แต่อ่านเนื้อหาเพลงดู mv แล้วก็งงๆ จนกระทั้งไปหาเจอว่ามันเป็นเพลงประกอบละคร  Sengyo Shufu Tantei ~Watashi wa Shadow พอไปอ่านเนื้อเรื่องย่อแล้วก็ถึงบางอ้อ (อีกแล้ว ฮา) ทำให้เข้าใจว่าทำไมเพลงชื่อ Spice 
- คำแปลเนื้อเพลงกับเนื้อเรื่องของละคระ http://writer.dek-d.com/perfumekashi/story/viewlongc.php?id=1117296 
- อ่านในวิกิ เห็นบอกว่านากาตะเขียนเพลงนี้จากอิมเมจของละครเรื่องนี้เลยทีเดียว 

Perfume - Glitter



- เพลงนี้ก็โฆษณาอีกแล้วค่ะ อันนี้มี hint เล็กๆคือท่าโพสตอนจบของสาวๆ ที่แฟนๆเดากันว่าน่าจะมาจากคันจิคำว่าน้ำ - 水







Perfume Secret Secret


- หลังจากเขียนกระทู้นี้ ก็ทำให้กลับไปวนเวียนฟังเพลง perfume อีกแล้ว หลังจากหนีไปฟังอย่างอื่นมาซักพัก ฮา  
พอเพลงนี้เล่น เลยทำให้นึกถึง mv ขึ้นมาได้ ตอนแรกก็งงๆนะ จะยังไม่ขอูดถึงเนื้อเพลงนะคะ วิเคราะห์แต่ mv โดย mv จะมีเนื้อหาถึงการเติบโตของสาวๆค่ะ จะว่าไปต้องเรียกว่า การเดินทางของความฝันของสาวมากกว่า (แต่จริงๆก็คิดว่ามันน่าจะเป็นคอนเซปต์ขนมของ pico ด้วยแหละนะ ^^!) ฉากแรกที่สามสาวเดินไปจะสังเหตว่าบิลบอร์ดด้านหลังเป็นรูปอื่น หลังจากนั้นก็เป็นตอนที่สามสาวใส่ชุด mv เพลง electro world เป็นการสื่อถึงว่าสาวๆเริ่มดังแล้ว มีคนรู้จักแล้ว (แต่ทำไมใช้ชุดของ electro world ก็ไม่ทราบค่ะ จะว่าเพราะช่วงเวลานั้นกำลังโปรโมตอัลบั้มนี้อยู่ก็ได้) ก็มีบิลบอร์ด(ขายของ)อัลบั้ม GAME หลังจากนั้นก็เป็นสาวๆที่ใส่แว่นดำเหมือนเป็นเซเลป ฮา น่าจะสื่อถึงว่าสาวๆเริ่มังจนเวลาออกไปไหนก็ต้องใส่แว่นดำพรางตัวค่ะ จนไปถึงบิลบอร์ดเป็นสาวๆโฆษณาขนม pino (เริ่มมีชื่อเสียงจนมีงานโฆษณาเข้ามา) จนสุดท้ายได้ไปออกรายการเพลงค่ะ


วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2558

Lost in Paradise 3

ตอนที่ 3



ชายหนุ่มผมดำนั่งมองแก้วเหล้าในมือ และ…...ถุงมือสีดำสนิทที่สวมอยู่
หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นผ่านมา 1 ปีแล้ว
เค้าถูกช่วยออกมาด้วยความช่วยเหลือของลูกน้องของหมื่นบุปผา จดหมายฉบับสุดท้ายที่ส่งมาถึงเค้าคือแผนการทั้งหมดของหมื่นบุปผาเอง


เมื่อคิดถึงเรื่องนี้หงเย่ หรือหนึ่งหยดแดงก็อดยิ้มกับตัวเองไม่ได้ ไม่นึกว่าการกระทำเอาแต่ใจของเค้าจะถูกผู้อื่นล่วงรู้ แล้วถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการ นี่ถ้าไม่ติดว่าตายไปแล้ว ยังไงก็ต้องขอไปบ่นให้ฟังจนเจ้าตัวต้องนิ่วหน้าหน่อยเถอะ พอนึกถึงเรื่องนี้ ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ หันไปสั่งเหล้าอีก 1 แก้ว มาวางไว้ข้างๆตัวเท่านั้น

…จะยกให้ก็ได้

เพราะถ้าไม่ได้หมื่นบุปผาช่วย เค้าเองอาจจะถูกจับได้ถึงเรื่องทรยศองค์กรไปแล้ว บางทีมันอาจจะเป็นแผนของเจ้าตัวที่ต้องการดึงไร้บุปผาให้ออกไปเจอเจ้าตัวเอง….เพื่อให้มาฆ่าตัวเอง


หมื่นบุปผาก็ทำสำเร็จ ไร้บุปผาทรยศองค์กร และเป็นหนึ่งหยดแดงเองที่เดินเรื่องให้ไร้บุปผาทำงานสุดท้าย เพราะในคืนนั้นเค้าคิดจะทำลายองค์กร มีนักฆ่าน้อยเท่าไหรยิ่งดี แต่ไม่นึกว่าจะเป็นการส่งดอกไม้เข้าปากกระต่าย ในตอนที่ชายหนุ่มกลับไปปรากฏตัวต่อหน้าคุณชายกระต่ายขาวอีกครั้งก็ต้องแปลกใจที่ข้างกายคุณชายนั้นมี ‘ อดีต ’ นักฆ่าอย่างไร้บุปผาอยู่ด้วย ไป๋ทู่ไม่ได้บอกอะไรมาก แค่ยิ้มเท่านั้น แต่บรรยากาศรอบตัวและดวงตาของคุณชายที่ทอดมองอดีตนักฆ่าก็บอกเรื่องราวได้มากที่สุด ไม่รู้คุณชายกระต่ายขาวใช้วิธียังไงจึงง้างปากและเปลี่ยนใจเจ้าเด็กปากหนักใจแข็งแบบนั้นได้


…….หรือว่านี่เป็นสิ่งที่นายต้องการกัน หมื่นบุปผา

ถือว่าหายกันแล้วนะ กู่หลานซิง (ดวงดาวสีน้ำเงิน)


ชายหนุ่มชนแก้วกับแก้วเหล้าที่ตั้งอยู่ข้างๆ กระดกเหล้าเข้าปากก่อนจะวางลง ดวงตามองถุงมือสีดำที่สวมปกปิดแผลไฟไหม้ที่มือซ้าย
ถึงสุดท้ายจะรอดมาได้ แต่ก็บาดเจ็บสาหัสทำให้แขนซ้ายไม่สามารถขยับได้อย่างใจนึก มันพอใช้งานในชีวิตประจำวันได้ แต่ไม่สามารถฆ่าคนได้อีกแล้ว และแผลเป็นไฟไหม้ที่มือ จนทำให้ต้องใส่ถุงมือตลอดเวลา
ชายหนุ่มยิ้มให้กับตัวเอง


…..แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน…..
…..มือนี้ฆ่าคนมาเยอะแล้ว…...


หงเย่ลุกขึ้นวางเงินไว้ที่บาร์ก่อนจะเดินออกไป จุดหมายของคืนนี้คือท่าเรือ และปลายทางของเรือก็คือ...ญี่ปุ่น….


--------------------------------------------------------------


มันก็เป็นวันธรรมดาที่รับงานเดิมๆ......
สิ่งที่ต้องทำมันก็คือสิ่งเดิมๆ..........


ท่าเรือยามค่ำคืนปกตินั้นเงียบสงบ  แต่ในคืนนี้ไม่ใช่......


แก๊งค์ที่ปกครองเขตนี้คงไปได้ยินข่าวว่าจะมีการลักลอบขนของ  เลยส่งหน่วยเก็บกวาดมาหา
นี่แหละน่ะ.....สุนัขที่คิดเหยียบหางราชสีห์.....ท่าเรือยามค่ำคืนนี้เลยต้องกลายเป็นลานประหาร.............


คนแล้วคนเล่าที่ล้มลงไปกองกับพื้น  บางคนที่ยังไม่ตาย ก็ได้แต่นอนร้องครวญด้วยความเจ็บปวด
คนของแก๊งค์ที่เข้ามาเก็บกวาดเล็งปืนมายังชายหนุ่มผมดำสวนโค้ทยาวที่ยืนอยู่ข้างรถ   
" .....เอ...ผมเป็นแค่คนส่งของเท่านั้นน่ะครับ "  ชายหนุ่มว่า พลางยกมือขึ้นทั้ง 2 ข้าง ชายที่ถือปีนคนแรกไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร การขนของอันตรายแบบนี้ย่อมเป็นธรรมดาที่จะต้องว่าจ้าง มืออาชีพ ที่เก่งกาจเพื่อหาเส้นทางลักลอบขนส่ง หรือหาทางใดทางหนึ่งเพื่อนำของเข้ามา 
คิดๆไปมันก็เป็นเรื่องน่าแปลก....ทางแก๊งค์ไม่รู้เลยว่าจะมีขอส่งของจนกรทั้งเมื่อเช้าเมื่อฝ่ายข่าวแจ้งเข้ามา พวกเค้ารวมถึง 'หัวหน้า' ถึงได้มาดักรอ 
....ไม่น่าไว้วางใจ....
ชายในชุดสูืหันไปพยักหน้าให้ชายอีกคน ชายที่ถือปีนคนนึงเดินเข้าไปหาชายหนุ่มผมดำ หมายจะค้นอาวุธหรืออาจจะแค่ " สั่งสอนเบาๆ "  ซักที

แต่ยังไม่ทันที่เดินเข้าไปถึงตัวชายหนุ่ม ก็มีเสียงๆนึงดังขึ้น
" ....เดี๋ยว.... "  หญิงสาวผมยาวคนนึงเดินออกมาจากกลุ่มชายที่ถือปีน
ร่างงามของหญิงสาวในชุดสูทพอดีตัวคลุมด้วยโค้ทยาว ในมือนั้นถือดาบญี่ปุ่น  ผมยาวปิดใบหน้าซีกขวาไว้ แต่ก็ไม่อาจปิดได้ว่าหญิงสาวมีเค้าหน้าที่งดงามมาก ท่วงท่าการเดิน และดวงตาที่ฉายแววประกายกล้านั้นก็ตรึงสายตาของชายหนุ่มเอาไว้อยู่หมัด


" กลับมาก่อน "   และดูท่าหญิงสาวอาจจะมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าในการทำงานครั้งนี้ เพราะชายที่ถือปีนก็ปฏิบัติตามคำพูดของเธอ ชายหนุ่มในชุดสูทอีกคนเข้ามา พร้อมกระเป๋านิรภัยใบย่อมที่มีล็อกรหัสอยู่ หญิงสาวพยักหน้าให้ ชายใส่สูทที่ถือกระเป๋านิรภัยถอยหลังหลบไป
หญิงสาวจ้องมองไปที่ชายหนุ่มผมดำนิ่งเกิดความเงียบน่าอึดอัดขึ้นในทันใด  
หญิงสาวชักดาบออกในทันที
" คงไม่ใช่คนส่งของธรรมดาสิน่ะ  กลิ่มเลือดมันฟ้องเลยน่ะ " ชายหนุ่มหรี่ตามองมาทางหญิงสาว มุมปากยกยิ้มเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
เคย์โกะพิจารณาคนตรงหน้า ชายหนุ่มผมดำตาคม ในชุดโค้ดสีดำยาว ดูแล้วเหมือนไม่ได้พกอาวุธอะไร แต่ว่า.....สังหรณ์ในใจเตือนไว้ ตั้งแต่เห็นชายหนุ่มครั้งแรก

......อันตราย......

หญิงสาวทอดมองคนตรงหน้านิ่ง บรรดาลูกน้องที่ยืนอยู่ก็ไม่มีใครกล้าขยับตัว ด้วยคำสั่งของหัวหน้า ถึงจะนึกกังขากับ 'คนส่งของ'
“ ยังไงคุณคงต้องไปกับเรา เพราะคุณเป็นคนส่งของ เราต้องรู้ว่าของข้างในเปิดยังไง ”
“ เรื่องนั้น….....คงเป็นไปไม่ได้ ”  ชายหนุ่มส่งยิ้มให้ ดวงตาของหญิงสาววาวโรจน์ขึ้นเล็กน้อย หงเย่รู้สึกชอบแววตานั้นจริงๆ อยากจะให้จ้องมองมาอีก อยากให้แววตานั้นมองแต่เค้าเพียงผู้เดียว
เคย์โกะขยับมายืนข้างหน้า เหล่าคนในชุดดำถอยลงไปข้างหลัง


ทั้งหญิงสาวและชายหนุ่มยืนเผชิญหน้ากัน ชายหนุ่มขยับมือข้างซ้ายมาใกล้ๆกับเสื้อโค้ท เคย์โกะระมัดระวังท่าทีนั้นอยู่แล้ว มือเรียวขยับใกล้ด้ามดาบมากขึ้น
มือข้างซ้ายตวัดพุ่งมา มีมีดลับซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อนั้น เคย์โกะตวัดดาบปัดดาบลับนั้นออก แต่เสียงหวีดหวิวดังขึ้นข้างหู แล้วความรู้สึกเจ็บแปล๊บที่ไหล่ข้างซ้ายทำให้เคย์โกะถอยออกมาทันที
ดวงตาเสมองไหล่ซ้าย ที่สาบเสื้อขาดไป  เหมือนของมีคนตวัดลงมา
หญิงสาวมองไปที่ชายหนุ่มที่ยืนยิ้มกริ่ม มือซ้ายเผยให้เห็นดาบลับที่โผล่ออกมาจากชายแขนเสื้อ
อาวุธลับอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ว่า ทำได้ยังไงกันละ

เคย์โกะรู้สึกได้เลยว่ามีอาวุธอีกอย่างหนึ่ง แต่เธอไม่เห็นมัน ถ้าระวังอาวุธลับก็จะโดนดาบสั้นนั้นทำร้าย แต่ถ้าไประวังดาบสั้นอาวุธลับก็จะออกมา
หญิงสาวขยับเท้าถอยไปอีกนิด พลันเท้าก็สัมผัสโดนบางอย่าง
จริงสิ ยังมีสิ่งนี้อยู่นี่นะ
หญิงสาวกระโดดถอยไปข้างหลังขาเรียวตวัดเตะปลอกดาบที่วางทิ้งไว้ไปที่ชายหนุ่ม
ดาบสั้นตวัดลงฟันปลอกดาบขาด 2 ท่อนในทีเดียว เคย์โกะได้ทีรีบพุ่งเข้าไป จังหวะนั้นเธอเห็นแล้ว แสงวาบขึ้นแว๊บนึง ดาบยาวตวัดไปยังทิศทางนั้นทันที
เสียงกิ้งเหมือนเหล็กกระทบแก้วดังขึ้น
อาวุธลับเผยหน้าตาออกมา มันคือบูมเมอแรงจิ๋วที่ทำจากแก้ว


ชายหนุ่มไม่มีทีท่าตกใจเลยซักนิด แต่ยังยืนกริ่มอยู่ตรงนั้น ดวงตาจับจ้องไปยังหญิงสาวตรงหน้า แววตาส่องประกายกล้านั้นทำให้ถูกใจตั้งแต่แรกพบ แถมพอสู้กันทำให้ร้ว่าหญิงสาวตรงหน้าเก่งมากจริงๆ


ชักถูกใจแล้วสิ


เสียงระเบิดดังขึ้นจากโกดังเก็บของ ทำให้การต่อสู้ของทั้งคู่หยุดชะงัก คนที่จุดระเบิดไม่ใช่ใครแต่เป็นเจ้าของสินค้าที่ชายหนุ่มเป็นคนพามา
“ อย่าละสายตาจากผมสิครับ ” เสียงที่ดังประชิดตัว ทำให้หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็ช้ากว่าอีกคน เมื่อมือสับลงไปที่ต้นคอ หญิงสาวสลบลงไปในอ้อมแขนของชายหนุ่มในทันที
หงเย่อุ้มหญิงสาวขึ้น หันไปสบตากับเหล่าลูกน้องที่ยืนตกใจ
“ ขอยืมตัวไปซักพักนะ ”
ชายในชุดสูทดำตั้งท่าจะรีบตามเจ้านายตัวเองไป แต่ก็ต้องชะงักเมื่อคู่อริเข้ามาโจมตี ทำให้ตามคนที่ฉกเจ้านายไปไม่ทัน เมื่อชายหนุ่มมองอีกทีร่างของทั้งสองคนก็หายไปแล้ว


หญิงสาวกระพริบตา ภาพตรงหน้าพร่ามัวก่อนจะโฟกัสได้ เพดานสีเทาและความรู้สึกนุ่มของที่นอน เมื่อมองไปรอบๆจึงพบว่าอยู่ในห้องพักโรงแรม คะเนจากขนาดของห้องคงเป็นโรงแรมระดับกลาง
เคย์โกะก้มลงมองสูทตัวนอกถูกถอดออกไป เสื้อเชิ้ตขาวถูกปลดกระดุมลงสองเม็ด
“ ฟื้นแล้วเหรอ ” หญิงสาวผุดลุกขึ้นมือเรียวเอื้อมมือไปด้านหลัง หมายหยิบมีดสั้นที่พกอยู่ด้านหลังออกมา แต่เมื่อลูบไปก็เจอแต่ความว่างเปล่า
“ หานี่อยู่เหรอ? ” ชายหนุ่มชูมีดสั้นที่ถืออยู่ ก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียง หยิบแอปเปิ้นในถุงออกมาปอกกินอย่างไม่สนใจหญิงสาวที่อยู่บนเตียง ชายหนุ่มหยิบแอปเปิ้ลลูกที่สองขึ้นมาปอกกิน หญิงสาวมองความคล่องแคล่วในการใช้มีดก็รู้สึกหวั่นใจ คนตรงหน้าดูก็รู้เลยว่าเก่งกาจขนาดไหน
“ กินไหม ” แอปเปิ้ลชิ้นขนาดพอคำถูกส่งมาให้
“ หรือจะเอาน้ำ ” ชายหนุ่มหันไปทางโต๊ะข้างเตียงที่มีขวดน้ำอยู่ หญิงสาวมองจ้องคนตรงหน้านิ่ง ไม่พูดอะไร
“ ไม่ได้ใส่อะไรหรอกน่า ” ชายหนุ่มหัวเราะน้อยๆเมื่อเห็นปฏิกิริยาของหญิงสาว มือวางขวดน้ำเปล่ากลับที่เดิม กยิบแอปเปิ้ลเข้าปาก แล้วเอาแอปเปิ้ลลูกที่สามออกมาปลอก เคย์โกะมองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ ความสงสัยทำให้ถามออกไป
“ ต้องการอะไร ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ยกยิ้มให้หญิงสาว
" นึกว่าจะไม่ถามซะแล้ว " วางมีดและแอปเปิ้ลลงกับโต๊ะข้างเตียง
“ ...ต้องการเธอ ”
เมื่อสิ้นประโยค ดวงตาโตเบิกกว้างเล็กน้อย แล้วตามมาด้วยประกายตาวาวโรจน์ที่แสดงถึงความไม่พอใจจนหงเย่รู้สึกขันเล็กน้อย
หญิงสาวตรงหน้าจะรู้มั้ยว่าอาการแบบนี้มันทำให้เค้านึกถูกใจคนตรงหน้ายิ่งขึ้นไปอีก
“ ถ้ากล้าก็ลองดู ” เคย์โกะเอื้อมไปหมายฉกมีดสั้นที่วางอยู่ข้างกองแอปเปิ้ล แต่ก็ยังช้ากว่าเมื่อมือของชายหนุ่มกระแทกลงบนข้อมือหญิงสาว พร้อมแรงบีบ มือของชายหนุ่มคว้าข้อมือของเธอไว้ได้ก่อนที่จะถึงมีดสั้น ขาตวัดเตะแทบจะในทันที แต่ชายหนุ่มก็รับไว้ได้ และนั้นทำให้เคย์โกะรู้ว่าเสียทีซะแล้ว เมื่อชายหนุ่มจับทั้งข้อมือและขาแล้วทุ่มตัวลงบนเตียง กดข้อมือแล้วขึ้นคร่อมและกระชากเสื้อออก
ดวงตามวาววับจ้องชายหนุ่มเขม็ง ขืนตัวเต็มที่ แต่คราวนี้ไมใช่เพื่อให้หลุด แต่เพียงแค่ต้องการไม่ให้คนตรงหน้าเห็นร่างกายของเธอ แต่ชายหนุ่มกดเธอไว้แน่นหนามาก จนหญิงสาวแทบจะขยับตัวไม่ได้

ชายหนุ่มชะงักเล็กน้อย ก่อนดึงเสื้อของหญิงสาวอออก ผิวกายของหญิงสาวนั้นขาวเนียนละเอียด มีรอยแผลเป็นประปราย แต่ยิ่งทำให้ร่างกายของหญิงสาวดูงดงามยิ่งขึ้น หงเย่ไล่สายตามองไปยังเนินเนื้อข้างซ้ายนั้นขาวเนียนละเอียด แต่เนินเนื้อด้านขวาตั้งแต่บ่าลงมาถึงราวนมนั้นมีรอยแผลเป็นเหมือนปานสีน้ำตาลอมแดงเรื่อยไปทั่วร่างฝั่งขวา บางแห่งก็เป็นสีน้ำตาลคล้ำเหมือนเนื้อที่เคยไหม้ ชายหนุ่มดูออกในทันที เพราะเค้าก็มีแผลแบบนั้นเหมือนกัน

ถึงจะไม่รู้ว่าหญิงสาวได้บาดแผลพวกนี้มาจากไหน แต่ก็สามารถจินตนาการถึงความเจ็บปวดได้เลย
ใช่ว่าบาดแผลภายนอกจะไม่สาหัส แต่แผลภายในใจสาหัสยิ่งกว่า
มือของหงเย่ลูบแก้มเนียน ก่อนจะมาปัดผมที่ปิดใบหน้าซีกขวา ชายหนุ่มรู้สึกได้เลยว่าหญิงสาวขืนตัวขึ้นมาชั่วขณะเหมือนจะไม่ยอม แต่ก็ผ่อนคลายลงในทันที พร้อมดวงตาประกายกล้าส่งมา หงเย่อมยิ้มเล็กน้อยกับท่าทางนั้น ชายหนุ่มจึงปัดผมที่ปิดอยู่ออกเพื่อยลโฉมใบหน้า…
หญิงสาวกลั้นใจ จริงอยู่ว่าด้วยอายุและประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา การมีสัมพันธ์ทางกายไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เนื่องด้วยใบหน้าและร่างกายของเธอที่เสียโฉมไปเพราะฝีมือมารดาของตัวเอง ทำให้ผู้ชายหลายคนครั้มคร้ามที่จะสัมพันธ์ด้วย ส่วนน้อยคนที่จะไม่สนเรื่องร่างกายของเธอ แต่เมื่อเห็น ‘ ใบหน้า ’ แล้วก็มักจะหมดอารมณ์และหลีกหนีไป
ผู้ชายตรงหน้าก็คงเหมือนกัน เธอรู้ดีว่าผู้ชายตรงหน้าต้องการอะไร และเธอก็ไม่สนใจ เธอต้องรู้ให้ได้ว่า ของ ที่ชายหนุ่มนำมานั้นเปิดยังไง ถ้าเธอยอมนิดหน่อย ก็อาจจะล้วงความลับนั้นมาได้ เธอจึงยอมให้คนตรงหน้าเปิดใบหน้าที่เธอปกปิดไว้ แม้อยากจะฆ่าคนตรงหน้าซักแค่ไหนก็ตาม ยังไงผู้ชายตรงหน้าก็คงจะเหมือนคนอื่นๆ…..แต่เธอคิดผิด
ในดวงตานั้นมีแววตกใจเล็กน้อย แต่ก็กลับกลายเป็นแววตายินดีเหมือนเจอของที่ถูกใจ ยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกวูบไหวในอก
ใบหน้านั้นเลื่อนเข้ามาใกล้ ดวงตาคมนั้นจ้องมองมา ก่อนริมฝีปากจะสัมผัสกัน เคย์โกะขืนตัวเล็กน้อยเสหน้าไปอีกทาง
“ …...ไม่….รังเกียจ...เหรอ…….. ”  หญิงสาวเอ่ยแผ่วเบา มันเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจและลังเล ถ้าชายหนุ่มตรงหน้าทำท่ารังเกียจเธอยังเข้าใจได้ง่ายกว่า แต่นี่ไม่ใช่ คนตรงหน้าเห็นใบหน้าเธอแล้ว แต่กลับแสดงความต้องการออกอย่างไม่ปิดบังซักนิด จนหญิงสาวเริ่มหวั่นไหวเสียเอง
ชายหนุ่มแย้มยิ้มเล็กน้อย ก้มลงสัมผัสแก้มและริมฝีปาก ใบหน้าหญิงสาวเป็นสีแดงเรื่อ ดวงตายังแฝงแววดื้อรั้นต่อต้าน
“ ไม่ว่าคุณจะมีร่างกาย หรือใบหน้าแบบไหน ผมก็ต้องการคุณอยู่ดี ” ดวงตานั้นเบิกกว้างก่อนจะเสไปอีกทาง หงเย่หัวเราะอย่างเอ็นดู ก่อนจะกดริมฝีปากกับหญิงสาว แนบร่างลงให้เนื้อต่อเนื้อสัมผัสกันตลอดทั้งคืน... ----------------- To be continue ------------------

3 ตอนไม่จบค้าาาา เรื่องราวจะเยอะไหนกันเนี่ย TAT
เรื่องของหงเย่กับเคย์โกะก็......นะ =.,=
เริ่มด้วยเรื่องแบบนี้แหละ ตอนนั้นอ่านนิยายอะไรอยู่มั้ง แล้วชอบพล็อตแบบนี้เลยเอามาใช้บ้าง
หวยก็ตกลงที่คู่นี้ ฮา
เคย์โกะตอนนั้นโดนวางตัวให้ลง EM แต่ว่าเนื่องด้วยสตอรี่ที่เยอะมาก แถมพ่วงหงเย่มาอีก เลยทำให้โดนปลด (ประมาณเนื้อเรื่องเยอะไปหน่อยกลัวเล่น EM ไม่อิน) อายะเลยถือกำเนิดมาเพราะสาเหตุนี้ ฮา
เคย์โกะมีแผลเป็นที่ใบหน้าซีกขวา จริงๆไม่ถึงกับอัปลักษณ์มาก แต่ก็พูดได้ว่าเสียโฉมไปเยอะ (อายะเห็นครั้งแรกก็ตกใจนะ) จริงๆแล้ว หนึ่งหยดแดง คือฉายาของนักฆ่า จากเรื่อง ชอลิ้วเฮียง
ฉายาเต็มๆคือ หนึ่งหยดแดงแห่งตงง้วน เนื่องจากฆ่าคนโดยการตวัดกระบี่ครั้งเดียวแค่ครั้งเดียว และเสียดออกแค่ 1 หยด เลยได้ฉายานี้
ออกมาตอน กลิ่นหอมกลางธารเลือด
และออกมาอีกทีตอน ศึกวังน้ำทิพย์
จากตอนนี้นี่ละที่ทำให้เราหลงรักคู่นี้ คือแบบว่าหนึ่งหยดแดงในนิยายชอลิ้วเฮียง จะเป็นคล้ายๆพูดน้อยต่อยหนัก เย็นชา แบบไซมึ้งชวยเซาะ (รายนี้ก็พอกัน หน้าตายเย็นชา แต่เวลาหวานนี่ อื้อฮืม น้ำตาลเรียกพี่ได้เลย ฮา) เลิกเป็นนักฆ่าเพราะชอลิ้วเฮียง 

ทีนี้ในตอน ศึกวังน้ำทิพย์ บังเอิญเจอชอลิ้วเฮียงเลยติดตามเดินทางไปด้วย จนไปเจอรังของกวนอิมศิลา ในตอนที่ชอลิ้วเฮียงเข้าวังน้ำทิพย์ (ถ้าเราจำไม่ผิดนะ) ได้เจอศิษย์ของกวนอิมศิลา นาม เค็กบ้อย้ง (ไร้รูปแซ่เค็ก) 
ชอลิ้วเฮียงก็ตามประสา เห็นกิริยาท่าทางของเค็กบ้อย้ง ก็ชมเชย ท่านนี่กิริยา มารยาม ท่วงท่าการเดินงดงาม ไฉนท่านจึงกปิดใบหน้า เมื่อท่านเป็นศิษย์ของกวนอิมศิลาย่อมต้องดงามไม่แพ้อาจารย์แน่ เค็กบ้อย้องแค่นหัวเราะแล้วกล่าวว่า งั้นคุณชายเชิญชมโฉมหน้าข้า
แล้วนางก็เปิดผ้าคลุมใบหน้าออก ปรากฎว่าใบหน้านอกจากดวงตาและปากเละไปทั้งหน้า
เค็กบ้อย้ง ถามว่า ข้ายังงดงามหรือไม่
ชอลิ้วเฮียง ก็กล่าวว่า กิริยามารยาทท่านนั้นงดงาม และไม่ใช่ว่าท่านสวยหรือถึงได้โดนอ.ทำลายใบหน้า
(กวนอิมศิลาเป็นสาวงามที่สวยมาก แต่นางชิงชังผู้หญิงคนอื่นที่สวยกว่านาง ถึงขั้นข่มขู่ในฮูหยินผู้นึงกินยาทำลายใบหน้าและแยกจากคนรักมาแล้ว ทีนี้เค็กบ้อย้งก็คงงามจริงๆถึงได้โดนกวนอิมศิลาที่เป็นอ. ให้ดื่มยาพิษทำลายใบหน้า)

เค็กบ้อย้งไม่ได้กล่าวอะไร แต่เชิญให้คณะของชอลิ้วเฮียงเดินเข้าไปภายในถ้ำ ระหว่างที่หนึ่งหยดแดงกำลังเดินผ่านเค็กบ้อย้งก็กล่าวกับนางว่า " ท่านไม่ได้อัปลักษณ์ ท่านงดงามยิ่ง "

โอ้ย กรี้ดมากกกก คิดภาพชายหนุ่มเย็นชาพูดแบบนี่ดิ อ่านแล้วทึ้งหมอนเลยอ่ะ ฮา
เท่านั้นยังไม่พอ อีกตอนที่ชอลิ้วเฮียง โอ้วทิฮวยและหนึ่งหยดแดงเจอกวนอิมศิลาและเค็กบ้อย้งอีกครั้ง
กวนอิมศิลาต่อว่าเค็กบ้อย้งเรื่องที่ชอลิ้วเฮียงชมเชย จนเค็กบ้อย้งต้องขออภัยโทษจากอาจารย์โดยการตัดมือตัวเอง
และนั้นก็ทำให้หนึ่งหยดแดงแทบจะชักกระบี่ออกมาแทงกวนอิมศิลา ถ้ากวนอิมศิลาไม่พูดว่าถ้าข้าตายพวกท่านจะไม่ได้ออกไปจากวังน้ำทิพย์นี้
แต่ตอนจบของตอน ศึกวังน้ำทิพย์ คือ หนึ่งหยดแดง แขนขาดและเค็กบ้อย้งยอมหนีตามหนึ่งหยดแดงไป

สรุปคู่นี้โมเม้นท์น้อยแต่มาทีแรงมากๆ เมื่อความฟินไม่จบ(เรอะ?) เราเลยเอามาต่อกับคู่นี้แทน ฮือ......ก็รอดูต่อไป ฮา

วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2558

Lost in Paradise 2

ตอนที่ 2


“ ดูเหมือนนายจะถูกส่งไปทำภารกิจ ” หนึ่งหยดแดงนั่งฟังรายละเอียดของงานนั้น เป็นงานที่ท่าจะยากทีเดียว ต้องแฝงตัวเข้าไป และใช้เวลานานในการเข้าถึงเป้าหมาย หนึ่งหยดแดงหยิบเอกสารและรูปภาพของเป้าหมายขึ้นมาดู …...ยังเด็กอยู่เลยนะ……
“ ไม่ใช่คนนี้ คนนี้ต่างหาก ” มือของฝ่ายข้อมูลดึงรูปคืน ก่อนจะยื่นรูปถ่ายอีกรูปให้ เด็กหนุ่มหน้าละอ่อนในชุดนักเรียน กำลังเดินอยู่กับเด็กหนุ่มในรูปถ่ายเมื่อครู่
“ลูกของอดีตนักการเมืองชื่อดัง การจ้างวานคือฆ่าโดยให้ดูเป็นอุบัติเหตุ ”
“ ฮืม แล้วนี่ใครกัน ” ความสงสัยยังไม่จางหาย มือชี้ไปยังรูปถ่ายแรกสุดที่ถูกดึงไป อีกฝ่ายถอนหายใจเล็กน้อย
“ อ้าว ไม่รู้จักเหรอ คุณชายไป๋ทู่ไง ทายาทเจ้าของเครือโรงแรมใหญ่ไง ถึงยังเด็กแต่ความคิดความอ่านเรื่องการบริหารนี่เก่งเข้าขั้นเลยนะ ”


“ เก่งขนาดนี้ก็เลยเป็นจุดเด่นยังไงละ ไม่แน่ต่อไปเจ้าเด็กนี่ก็อาจจะเป็นเป้าหมายของนายก็ได้นะ ” หนึ่งหยดแดงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ในโลกของการทำธุรกิจก็ไม่แพ้โลกของนักฆ่า เพียงแต่พวกเค้าไม่ฆ่าเอาชีวิต แต่ทำลายชีวิตด้วยอย่างอื่นเป็นส่วนใหญ๋ ใครล้มคือผู้แพ้
และผู้แพ้นั้นอาฆาตพยาบาทยิ่งนัก
“ อ้อ ใช้แล้ว หมื่นบุปผากลับมาแล้วนะ ”
“ หมื่นบุปผากลับมาแล้วงั้นเหรอ ” ชายหนุ่มถามอย่างประหลาดใจ เมื่อพูดถึงนักฆ่าที่งดงามที่สุด และประหลาดที่สุด
“ใช่แล้ว ดูเหมือนต้องการจะให้ฝึกนักฆ่าคนใหม่น่ะ เจ้าเด็กนั้นฝืมือดีทีเดียว ” เมื่อพูดถึงคำว่าเด็กทำให้เด็กหนุ่มคิดถึงเด็กทารกนั้นขึ้นมาอีกครั้ง
ป่านนี้จะเป็นยังไงนะ น่าจะเริ่มโตจนเดินได้แล้ว ดวงตากลมโตเหมือนลูกแก้วนั้นจะจับจ้องสิ่งใดกันนะ


หนึ่งหยดแดงผละจากนักส่งข้อมูล ฝั่งตรงข้ามทางเดินมีชายหนุ่มผู้งดงามคนนึงกำลังเดินมา ผมยาวสยายยามต้องลม ท่วงท่าการเดินไม่ขัดกับไม้เท้าคนตาบอดในมือเลยซักนิด แต่บรรยากาศรอบตัวเฉียบคมมาก จนถึงกับผงะ เมื่อชายหนุ่มคนนั้นเดินเข้ามาหยุดใกล้ๆหนึ่งหยดแดง
“ หนึ่งแยดแดงงั้นเหรอ ไม่ได้พบกันเสียนาน ” ทั้งๆที่ไม่ได้ส่งเสียงออกไป แต่อีกคนกลับรู้ว่าใครยืนอยู่ หนึ่งหยดแดงรู้สึกครั้มคร้ามคนตรงหน้า นักฆ่าอันดับหนึ่งของสวน “ หมื่นบุปผา ”
กลุ่มผมสีแดงที่อยู่ด้านหลังหมื่นบุปผาขยับไหว เรียกควมสนใจให้มองได้เป็นอย่างดี เด็กหนุ่มหน้าตาดี ยืนนิ่งอยู่หลังนักฆ่าตาบอด
“ เด็กคนนี้... ”
“ อ้อ ทักทายเค้าหน่อยสิ ” เด็กหนุ่มวัยสิบกว่า แววตาเฉยเมย หันมามองเค้าก่อนจะก้มลงเล็กน้อย
“ ดีมาก ”
“ ไม่น่าเชื่อว่านายจะเลี้ยงเด็กได้ ”
“ คนเรามันก็ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงกันบ้าง…..จริงไหม? ” ดวงตาที่ไม่สามารถจับจ้องสิ่งใดเสมาทางที่หนึ่งหยดแดงยืนอยู่ เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนกำลังโดนอีกฝ่ายจ้องมองทั้งๆที่มันเป็นไปไม่ได้
“ ฮึๆ เห็นอย่างนี้ฉันก็รักเด็กนะ และบางทีนี่อาจจะเป็นคนสุดท้าย... ”
“ คนสุดท้าย? ”
“ ใช้แล้ว ดูเหมือนองค์กำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ นายคิดว่าอย่างนั้นมั้ย? ” รอยยิ้มชวนมองนั้นปรายมา จนหนึ่งหยดแดงรู้สึกสังหรณ์ใจว่าคนตรงหน้านี้ไปรู้เรื่องอะไรมาหรือเปล่า โดยเฉพาะเรื่องที่เค้าคิดจะทำ….ในอนาคต
“ โชคดีนะ หนึ่งหยดแดง ”
นั้นเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เห็น “ หมื่นบุปผา ” เพราะหลังจากนั้นสามปีก็มีข่าวลือว่า หมื่นบุปผานั้นหนีไปจากองค์กร แต่อีกคำร่ำลือนึงก็คือภารกิจผิดพลาดจนโดนฆ่าตาย แต่ไม่ว่าจะข่าวไหนล้วนตรงกันเรื่องเดียวคือ ไม่พบศพของหมื่นบุปผา และหลังจากนั้นไม่นานลูกศิษย์คนสุดท้ายและนักฆ่าคนใหม่ก็ถือกำเนิดขึ้น ฝีมือและพรสวรรค์ในการฆ่านั้นไร้ที่ติจนได้ขึ้นเป็นอันดับ 1 ขององค์กร “ ไร้บุปผา ” (บ้อฮวย)


หนึ่งหยดแดงมองรูปภาพหลายใบบนโต๊ะ และสิ่งที่ทำให้เค้าตกใจมากที่สุดก็คือ ภาพเด็กผู้หญิงคนนึง เค้าจำได้แทบจะในทันที เด็กทารกคนนั้น ลูกของเค้า คาดคะเนจากรูปร่างหน้าในภาพถ่าย ตอนนี้น่าจะอายุได้สามขวบ ดวงตากลมโตแฝงแววขี้เล่น
“ เด็กเหล่านี้กำลังจะเข้ารับการฝึก ”  
ว่ายังไงนะ!
หนึ่งหยดแดงรู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้น เด็กหนุ่มเข้าใจดีว่าการฝึกฝนที่ว่าคืออะไร และเด็กคนนี้กำลังจะกลายเป็นอะไร


กำลังจะกลายเป็นเหมือนเค้า มือเล็กๆคู่นั้นจะต้องเปื้อนเลือด ต้องมองโลกเป็นสีเทาตลอดกาล
ไม่! เค้าจะไม่ปล่อยให้เกิดขึ้นโดนเด็ดขาด
ความคิดแสนอันตรายที่เคยเก็บงำไว้เริ่มเผยตัวตนออกมา


เค้าตัดสินใจแล้ว


ภายในคฤหาสน์หลังงาม ยามค่ำคืนที่ไร้แสงจันทร์ ค่ำคืนที่นักฆ่าลงมือ
โครม! ชายหนุ่มถูกเตะเข้ามายังอีกห้องนึง หนึ่งหยดแดงรีบลุกขึ้นทันที ถึงอีกคนจะอายุน้อยกว่าแต่ฝีมือนั้นไม่ใช่เลย ดูท่ากระต่ายขาวตัวนี้จะเก่งใช่เล่น
“ จะต่อรองกับผมเหรอ ”
“ ใช่ ฉันจะเป็นสายให้นาย ทำงานให้นาย ”
“ นักฆ่านี่เชื่อไม่ได้หรอกนะ ยิ่งจะทรยศองค์กรด้วย ” เป็นเสียงนุ่มติดแหลมของเด็กหนุ่มอีกคนที่เดินตามเข้ามา มือเรียวนั้นกระชับปีนในมือ แล้วเล็งมาทางหนึ่งหยดแดงที่กำลังลุกขึ้น
“ ลวี่ลู่…. ”
“ โดยเฉพาะนักฆ่าที่จะมาฆ่าชั้นน่ะ ” มือขยับขึ้นไกแล้วจ่อมาทางชายหนุ่มนักฆ่า เด็กหนุ่มแทบไม่อยากจะเชื่อว่าท่านลุงที่เค้าเคารพจะฆ่าเค้าเพียงแค่ว่าเค้าไปสนิทกับศัครูทางธุรกิจอย่างไป๋ทู่
“ จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่นาย ”
“ ข้อแลกเปลี่ยนละ ”
“ไป๋ถู่ ” ลวี่ลู่หันไปเตือน
“ นายจะต้องอุปการะเด็กคนนึง ” หนึ่งหยดแดงหยิบรูปถ่ายออกมาแล้วยื่นให้
“ เด็กคนนี้เป็นใคร ถึงสำคัญกับนายนัก ” สองสายตาประสานกัน ก่อนที่หนึ่งหยดแดงจะตอบออกมา
“ เป็นลูกของฉันเอง ”
“ 55555 นักฆ่าที่จะทรยศองค์กรเพื่อลูกงั้นเหรอ น่าสนุกดีนี่ ”
“ แต่ว่าจะให้เชื่อใจก็คงยากนะ ”
“ รอดูข่าวพรุ่งนี้ได้เลย ”

ในเช้าวันต่อมาไป๋ทู๋อ่านหนังสือพิมพ์แล้วสะดุดกับข่าวหน้า 1 แต่เป็นกรอบเล็กๆที่รายงานข่าวเรื่องนักการเมืองเก่าที่เกษียณจากงานแล้วประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตคาที่
เด็กหนุ่มแย้มรอยยิ้มเล็กน้อยก่อนจะยกถ้วยชาขึ้นดื่ม


การเจรจาสำเร็จด้วยดี แต่การนำตัวเด็กหญิงออกมานั้นยากยิ่งกว่า ถึงต้องการจะพาตัวออกมาแต่องค์กรจะต้องรู้และเด็กสาวจะต้องโดนตามล่า เค้าต้องการจะลบอดีต ลบทุกอย่าง เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีใครรู้เรื่องของเด็กสาว การเตรียมการนั้นจึงยากยิ่ง เมื่อชายหนุ่มจะต้องไม่แสดงพิรุธออกมา
ทำให้ต้องใช้เวลาถึง 2 ปี และเป็น 2 ปีที่หนึ่งหยดแดงใช้กำลังทั้งหมดยื้อเรื่องภารกิจแรกของเด็กหญิงไว้ แต่ก็ไม่สำเร็จ เด็กหญิงนั้นโดนพาไปรับการฝึกฝนแล้ว ในตอนนั้นชายหนุ่มเสียใจมาก เค้าจำไม่ได้ว่าออกจากองค์กร เดินกลับที่่ห้องตัวเองได้ยังไง ข้าวของในห้องพังได้อย่างไร เค้าเสียใจมาก


แต่ว่า…..ยังมีโอกาส


โอกาสมาถึงเมื่อภารกิจแรกของเด็กหญิงคือการลอบเข้าไปฆ่า โดยมีหนึ่งหยดแดงเป็นพี่เลี้ยงนั้นเอง


มันเป็นความผิดพลาดหรือโชคชะตาที่เจ้าของสวนทั้งสาม ไม่ได้ใส่ใจ เพราะคิดว่าเค้าคงจะไม่รู้ คิดว่าเด็กหญิงคนนี้เป็นแค่เด็กที่ถูกพามาเพื่อฝึกเป็นนักฆ่า


คิดว่าไม่รู้ว่า เด็กคนนั้นเป็นลูกสาวของเค้า


การเตรียมการมากมายก็เพื่อวันนี้ เมื่อเด็กหญิงเข้าไปในห้องเป้าหมายแล้วก็ต้องแปลกใจเพราะห้องนั้นไม่มีอะไรเลย เป็นห้องธรรมดา ในขณะที่รูสึกว่ามีใครอยู่ข้างหลัง แล้วมีมือมาปิดปาก เด็กหญิงดิ้นรนอย่างแรงเป็นการเปิดโอกาสให้ยาสลบเข้าไปในร่างกายง่ายขึ้น
ชายหนุ่มมองเด็กหญิงที่สลบไปก่อนจะอุ้มขึ้นมา เสียงเคาะประตูดังขึ้น เมื่อเดินไปเปิดก็เจอป้าแม่บ้านยืนอยู่
“ รูมเซอร์วิสค่ะ คุณชายโทรไปใช่มั้ยคะ ” ประโยคที่บอกเป็นนัยทำให้รู้ว่าเป็นคนของคุณชายนั้น ชายหนุ่มยื่นเด็กให้แต่โดยดี คุณป้าหย่อนเด็กลงในตะกร้าผ้า ก่อนจะเข็นออกไป หนึ่งหยดแดงเดินไปที่ทางเดินอีกทางหนึ่ง รอจนได้ยินเสียงปีนสามนัด จึงเลี้ยวออกมาวิ่งไปที่ห้องเป้าหมายเปิดประตูเข้าไป หยิบเข็มออกมาพุ่งเข้าไปเสียบทะลุสมองในทีเดียว ชายร่างใหญ่ล้มลงกับพื้น ชายหนุ่มงัดใต้เตียงออกมาพบห่อพลาสติด เมื่อเปิดออกมาก็มีศพเด็กผู้หญิงที่รูปร่างอายุใกล้เคียงกับเด็กหญิงคนนั้นมาก
ก่อนจะจุกไฟ แล้วรีบเดินออกมา


ทุกอย่างเสร็จสิ้น เค้าได้รับคำยืนยันจากคุณชายกระต่ายขาวว่าได้รับอุปการะเด็กสาวไว้แล้ว
แต่เรื่องยุ่งยากขึ้น เมื่อไม่รู้คุณชายถูกใจอะไรนักถึงกับรับมาเป็นน้องสาว อาจจะแค่อยากจะเก็บเด็กหญิงเอาไว้เพื่อเป็นตัวประกันไม่ให้เค้าทรยศ ถึงเค้าจะขัดใจแต่ไม่อาจต่อต้านได้ ข้อมูลเด็กหญิงถูกสร้างขึ้นมาอย่างดี เป็นลูกนอกสมรสของเจ้าของธุรกิจการโรงแรมหรือพ่อของคุณชายนั้นเอง
และเด็กหญิงได้รับชื่อ
….เซียวอั๊ง….


หลังจากนั้นเค้าก็กลับไปยังองค์กรเพื่อรายงานว่าเด็กหญิงตายแล้ว แต่ภารกิจสำเร็จ เจ้าของสวนทั้งสามดูเสียดายเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะมีเรื่องใหญ่กว่านั้น เรื่องที่ช่วงนี้งานขององค์กรสะดุดมาก จนหนึ่งหยดแดงก็ยังรู้สึกได้


….หนอนบ่อนไส้….

นั้นคือสิ่งที่หนึ่งหยดแดงคิด ถ้าถามว่าใครคือหนอน ก็เป็นตัวเค้านี่เอง แต่เค้าลอบส่งข้อมูลให้คุณชายไป๋ถู่เท่านั้น แต่ดูเหมือนข้อมูลอื่นๆ จะรั่วไปหลายทาง จนสุดท้ายยากจะคาดเดาว่าใครเป็คนปล่อยข่าว แต่ดูเหมือนเจ้าของสวนทั้งสามจะมีเป้าหมายในใจแล้ว
“ หมื่นบุปผายังไม่ตาย ”
“ ถ้าเป็นเด็กนั้นละก็ เป็นไปได้มาก ” เสียงแหบๆดังขึ้นจากอีกด้าน
“ เราจะส่งนักฆ่าที่เก่งที่สุดไป ”


ให้ลูกศิษย์ฆ่าอาจารย์ สมเป็นยัยป้าอำมหิตทั้งสามจริงๆ


งานนั้นสำเร็จ ไร้บุปผา หายไปเป็นเดือน จนเจ้าของสวนต้องไปตามจับกลัมา แต่ก็เสียมือดีไปเยอะ
และคราวนี้เป้นเค้านั้นเองที่ได้รับมอบหมายหน้าที่แสนอันตรายนี้


ผมสามารถพาไร้บุปผากลับมาได้
และได้รับคำยืนยันมาจากเจ้าตัวว่า หมื่นบุปผาตายแล้วจริงๆ
สิ่งที่ผิดแปลกนั้นก็คือ ดวงตาของไร้บุปผา นั้นมีแววตายิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน ดูเหมือนความตายของหมื่นบุปผา คงไปกระตุ้นอะไรเข้าสินะ
แต่แน่นอนว่า ค่าตอบแทนของการจะหนีจากองค์กรนั้นคือทัณฑ์ทรมานแสนสาหัส
เจ้าตัวก็ไม่ปริปากพูดอะไรทั้งสิ้นว่าทำไมจะหนีไป
ผ่านไปเป็นสัปดาห์ ไร้บุปผา ก็ดูไม่โอนอ่อนผ่อนตาม เจ้าของสวนจึงยื่นเงื่อนไขให้


เนื้อหาของงานก็คือการลอบสังหาร คุณชายไป๋ทู่ เพราะดูเหมือนแผนงานใหม่ของโรงแรมในเครือที่คุณชายดูแลอยู่จะไปขัดขาของคนใหญ่โตบางคน
และนักฆ่าที่จะถูกส่งไปก็คือ ไร้บุปผา นั้นเอง
ไร้บุปผารับคำ

หนึ่งหยดแดงลอบส่งข่าวเป็นครั้งสุดท้าย ชายหนุ่มผมดำหันมามองมองจดหมายที่อยู่บนโต๊ะ ก่อนจะหยิบขึ้นมาอ่านเป็นครั้งสุดท้าย แล้วเผาจดหมายนั้นเสียสิ้น เพราะเค้าคิดว่าได้เวลาแล้ว หลังจากนี้ สวนแห่งนี้จะกลายเป็นสวนเลือด!

เปลวเพลิงเริ่มลามเลียมาใกล้ ภายในห้องที่ตกแต่งงดงามเริ่มมีควันไฟเข้ามา
“ เป็นเธอเองเหรอ….หนึ่งหยดแดง ” เสียงแผ่วเบาของหญิงชราที่ถูกยิงเข้าที่หน้าอกเอ่ยขึ้น ไม่ต้องหันไปมองก็รู้เลยว่า พี่น้องอีก 2 คนได้สิ้นลมแล้ว ด้วยฝืมือของชายหนุ่มตรงหน้า
“ เธอจะต้องเสียใจที่ทำแบบนี้ ”
“ ผมไม่เคยเสียใจ ”


ปัง!


เสียงปีนดังขึ้นพร้อมความเจ็บปวดที่มาจากหัวไหล่ หนึ่งหยดแดงกัดฟัน หันปีนไปทางหญิงแก่แล้วสาดกระสุนจนหมด ร่างทั้งสามแน่นิ่งไป ชายหนุ่มเดินเข้าไปเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจ
เสียงระเบิดดังทั่วทิศ ไฟเริ่มลามมาที่ห้องนี้แล้ว เค้าต้องรีบ หนึ่งหยดแดงไปที่หลังร่างหญิงแก่ทั้งสาม มือซ้ายรีบคลำที่กำแพง ความร้อนจากไฟแทบจะเผามือ แต่ชายหนุ่มก็อดทนจนสามารถเจอช่องลับสำหรับเปิดประตู เมื่อเข้าไปก็ปรากฏคอมพิวเตอร์มากมาย แฟ้มเอกสารและตู้หนังสือ หนึ่งหยดแดงหยิบขวดพลาสติกใบเล็กออกมาแล้วราดไปทั่วห้อง
ต้องทำลาย ทุกอย่างจะต้องหายไป โดยเฉพาะข้อมูลของเด็กคนนั้น
สวนแห่งนี้จะต้องหายไป

----------------- To be continue ------------------


จบตอน 2 ตอนหน้าก็จะเป็นเรื่องราวที่หนึ่งหยดแดงทิ้งฉายาไปใช้ชื่อหงเย่ และได้พบเคย์โกะกับอายะ


เรื่องเซียวอั๊งก็คือตอนแรกไป๋ทู่ตั้งใจให้มาเป็นตัวประกันจริงๆ เพื่อควบคุมหนึ่งหยดแดง (เพราะยังไม่เชื่อใจกันเท่าไหร) แต่หลังจากมีเซียวอั๊งเป็นยาใจ(?) ก็เลยเปิดความเชื่อใจกันมากขึ้น จะว่าเป็นนายบ่าวแต่แนวพี่น้องอ่ะ
คุณพ่อของไป๋ทู่เป็นแนวนักธุรกิจเจ้าชู้ ไป๋ทู่ไม่ค่อยใยดีพ่อตัวเองเท่าไหร หนึ่งหยดแดงก็เคยถามว่า จะไม่มีปัญหาเหรอที่(สร้าง)ประวัติของเซียมอั๊งให้เป็นลูก ไป๋ทู่ก็เลยตอบว่า คนๆนั้นไม่มาสนใจอะไรหรอกครับ
แนวๆนี้ละมั้ง ฮา
ตอนนี้เขียนยากอย่างเดียวคือต้องระวังเรื่องระยะเวลา เพราะตอนแรกคิดไว้แค่เนื้อเรื่องคร่าวๆไม่ได้คิดเลยว่าใครอายุเท่าไหรแล้วตอนนี้ ฮา