วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2558

Lost in Paradise 3

ตอนที่ 3



ชายหนุ่มผมดำนั่งมองแก้วเหล้าในมือ และ…...ถุงมือสีดำสนิทที่สวมอยู่
หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นผ่านมา 1 ปีแล้ว
เค้าถูกช่วยออกมาด้วยความช่วยเหลือของลูกน้องของหมื่นบุปผา จดหมายฉบับสุดท้ายที่ส่งมาถึงเค้าคือแผนการทั้งหมดของหมื่นบุปผาเอง


เมื่อคิดถึงเรื่องนี้หงเย่ หรือหนึ่งหยดแดงก็อดยิ้มกับตัวเองไม่ได้ ไม่นึกว่าการกระทำเอาแต่ใจของเค้าจะถูกผู้อื่นล่วงรู้ แล้วถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการ นี่ถ้าไม่ติดว่าตายไปแล้ว ยังไงก็ต้องขอไปบ่นให้ฟังจนเจ้าตัวต้องนิ่วหน้าหน่อยเถอะ พอนึกถึงเรื่องนี้ ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ หันไปสั่งเหล้าอีก 1 แก้ว มาวางไว้ข้างๆตัวเท่านั้น

…จะยกให้ก็ได้

เพราะถ้าไม่ได้หมื่นบุปผาช่วย เค้าเองอาจจะถูกจับได้ถึงเรื่องทรยศองค์กรไปแล้ว บางทีมันอาจจะเป็นแผนของเจ้าตัวที่ต้องการดึงไร้บุปผาให้ออกไปเจอเจ้าตัวเอง….เพื่อให้มาฆ่าตัวเอง


หมื่นบุปผาก็ทำสำเร็จ ไร้บุปผาทรยศองค์กร และเป็นหนึ่งหยดแดงเองที่เดินเรื่องให้ไร้บุปผาทำงานสุดท้าย เพราะในคืนนั้นเค้าคิดจะทำลายองค์กร มีนักฆ่าน้อยเท่าไหรยิ่งดี แต่ไม่นึกว่าจะเป็นการส่งดอกไม้เข้าปากกระต่าย ในตอนที่ชายหนุ่มกลับไปปรากฏตัวต่อหน้าคุณชายกระต่ายขาวอีกครั้งก็ต้องแปลกใจที่ข้างกายคุณชายนั้นมี ‘ อดีต ’ นักฆ่าอย่างไร้บุปผาอยู่ด้วย ไป๋ทู่ไม่ได้บอกอะไรมาก แค่ยิ้มเท่านั้น แต่บรรยากาศรอบตัวและดวงตาของคุณชายที่ทอดมองอดีตนักฆ่าก็บอกเรื่องราวได้มากที่สุด ไม่รู้คุณชายกระต่ายขาวใช้วิธียังไงจึงง้างปากและเปลี่ยนใจเจ้าเด็กปากหนักใจแข็งแบบนั้นได้


…….หรือว่านี่เป็นสิ่งที่นายต้องการกัน หมื่นบุปผา

ถือว่าหายกันแล้วนะ กู่หลานซิง (ดวงดาวสีน้ำเงิน)


ชายหนุ่มชนแก้วกับแก้วเหล้าที่ตั้งอยู่ข้างๆ กระดกเหล้าเข้าปากก่อนจะวางลง ดวงตามองถุงมือสีดำที่สวมปกปิดแผลไฟไหม้ที่มือซ้าย
ถึงสุดท้ายจะรอดมาได้ แต่ก็บาดเจ็บสาหัสทำให้แขนซ้ายไม่สามารถขยับได้อย่างใจนึก มันพอใช้งานในชีวิตประจำวันได้ แต่ไม่สามารถฆ่าคนได้อีกแล้ว และแผลเป็นไฟไหม้ที่มือ จนทำให้ต้องใส่ถุงมือตลอดเวลา
ชายหนุ่มยิ้มให้กับตัวเอง


…..แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน…..
…..มือนี้ฆ่าคนมาเยอะแล้ว…...


หงเย่ลุกขึ้นวางเงินไว้ที่บาร์ก่อนจะเดินออกไป จุดหมายของคืนนี้คือท่าเรือ และปลายทางของเรือก็คือ...ญี่ปุ่น….


--------------------------------------------------------------


มันก็เป็นวันธรรมดาที่รับงานเดิมๆ......
สิ่งที่ต้องทำมันก็คือสิ่งเดิมๆ..........


ท่าเรือยามค่ำคืนปกตินั้นเงียบสงบ  แต่ในคืนนี้ไม่ใช่......


แก๊งค์ที่ปกครองเขตนี้คงไปได้ยินข่าวว่าจะมีการลักลอบขนของ  เลยส่งหน่วยเก็บกวาดมาหา
นี่แหละน่ะ.....สุนัขที่คิดเหยียบหางราชสีห์.....ท่าเรือยามค่ำคืนนี้เลยต้องกลายเป็นลานประหาร.............


คนแล้วคนเล่าที่ล้มลงไปกองกับพื้น  บางคนที่ยังไม่ตาย ก็ได้แต่นอนร้องครวญด้วยความเจ็บปวด
คนของแก๊งค์ที่เข้ามาเก็บกวาดเล็งปืนมายังชายหนุ่มผมดำสวนโค้ทยาวที่ยืนอยู่ข้างรถ   
" .....เอ...ผมเป็นแค่คนส่งของเท่านั้นน่ะครับ "  ชายหนุ่มว่า พลางยกมือขึ้นทั้ง 2 ข้าง ชายที่ถือปีนคนแรกไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร การขนของอันตรายแบบนี้ย่อมเป็นธรรมดาที่จะต้องว่าจ้าง มืออาชีพ ที่เก่งกาจเพื่อหาเส้นทางลักลอบขนส่ง หรือหาทางใดทางหนึ่งเพื่อนำของเข้ามา 
คิดๆไปมันก็เป็นเรื่องน่าแปลก....ทางแก๊งค์ไม่รู้เลยว่าจะมีขอส่งของจนกรทั้งเมื่อเช้าเมื่อฝ่ายข่าวแจ้งเข้ามา พวกเค้ารวมถึง 'หัวหน้า' ถึงได้มาดักรอ 
....ไม่น่าไว้วางใจ....
ชายในชุดสูืหันไปพยักหน้าให้ชายอีกคน ชายที่ถือปีนคนนึงเดินเข้าไปหาชายหนุ่มผมดำ หมายจะค้นอาวุธหรืออาจจะแค่ " สั่งสอนเบาๆ "  ซักที

แต่ยังไม่ทันที่เดินเข้าไปถึงตัวชายหนุ่ม ก็มีเสียงๆนึงดังขึ้น
" ....เดี๋ยว.... "  หญิงสาวผมยาวคนนึงเดินออกมาจากกลุ่มชายที่ถือปีน
ร่างงามของหญิงสาวในชุดสูทพอดีตัวคลุมด้วยโค้ทยาว ในมือนั้นถือดาบญี่ปุ่น  ผมยาวปิดใบหน้าซีกขวาไว้ แต่ก็ไม่อาจปิดได้ว่าหญิงสาวมีเค้าหน้าที่งดงามมาก ท่วงท่าการเดิน และดวงตาที่ฉายแววประกายกล้านั้นก็ตรึงสายตาของชายหนุ่มเอาไว้อยู่หมัด


" กลับมาก่อน "   และดูท่าหญิงสาวอาจจะมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าในการทำงานครั้งนี้ เพราะชายที่ถือปีนก็ปฏิบัติตามคำพูดของเธอ ชายหนุ่มในชุดสูทอีกคนเข้ามา พร้อมกระเป๋านิรภัยใบย่อมที่มีล็อกรหัสอยู่ หญิงสาวพยักหน้าให้ ชายใส่สูทที่ถือกระเป๋านิรภัยถอยหลังหลบไป
หญิงสาวจ้องมองไปที่ชายหนุ่มผมดำนิ่งเกิดความเงียบน่าอึดอัดขึ้นในทันใด  
หญิงสาวชักดาบออกในทันที
" คงไม่ใช่คนส่งของธรรมดาสิน่ะ  กลิ่มเลือดมันฟ้องเลยน่ะ " ชายหนุ่มหรี่ตามองมาทางหญิงสาว มุมปากยกยิ้มเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
เคย์โกะพิจารณาคนตรงหน้า ชายหนุ่มผมดำตาคม ในชุดโค้ดสีดำยาว ดูแล้วเหมือนไม่ได้พกอาวุธอะไร แต่ว่า.....สังหรณ์ในใจเตือนไว้ ตั้งแต่เห็นชายหนุ่มครั้งแรก

......อันตราย......

หญิงสาวทอดมองคนตรงหน้านิ่ง บรรดาลูกน้องที่ยืนอยู่ก็ไม่มีใครกล้าขยับตัว ด้วยคำสั่งของหัวหน้า ถึงจะนึกกังขากับ 'คนส่งของ'
“ ยังไงคุณคงต้องไปกับเรา เพราะคุณเป็นคนส่งของ เราต้องรู้ว่าของข้างในเปิดยังไง ”
“ เรื่องนั้น….....คงเป็นไปไม่ได้ ”  ชายหนุ่มส่งยิ้มให้ ดวงตาของหญิงสาววาวโรจน์ขึ้นเล็กน้อย หงเย่รู้สึกชอบแววตานั้นจริงๆ อยากจะให้จ้องมองมาอีก อยากให้แววตานั้นมองแต่เค้าเพียงผู้เดียว
เคย์โกะขยับมายืนข้างหน้า เหล่าคนในชุดดำถอยลงไปข้างหลัง


ทั้งหญิงสาวและชายหนุ่มยืนเผชิญหน้ากัน ชายหนุ่มขยับมือข้างซ้ายมาใกล้ๆกับเสื้อโค้ท เคย์โกะระมัดระวังท่าทีนั้นอยู่แล้ว มือเรียวขยับใกล้ด้ามดาบมากขึ้น
มือข้างซ้ายตวัดพุ่งมา มีมีดลับซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อนั้น เคย์โกะตวัดดาบปัดดาบลับนั้นออก แต่เสียงหวีดหวิวดังขึ้นข้างหู แล้วความรู้สึกเจ็บแปล๊บที่ไหล่ข้างซ้ายทำให้เคย์โกะถอยออกมาทันที
ดวงตาเสมองไหล่ซ้าย ที่สาบเสื้อขาดไป  เหมือนของมีคนตวัดลงมา
หญิงสาวมองไปที่ชายหนุ่มที่ยืนยิ้มกริ่ม มือซ้ายเผยให้เห็นดาบลับที่โผล่ออกมาจากชายแขนเสื้อ
อาวุธลับอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ว่า ทำได้ยังไงกันละ

เคย์โกะรู้สึกได้เลยว่ามีอาวุธอีกอย่างหนึ่ง แต่เธอไม่เห็นมัน ถ้าระวังอาวุธลับก็จะโดนดาบสั้นนั้นทำร้าย แต่ถ้าไประวังดาบสั้นอาวุธลับก็จะออกมา
หญิงสาวขยับเท้าถอยไปอีกนิด พลันเท้าก็สัมผัสโดนบางอย่าง
จริงสิ ยังมีสิ่งนี้อยู่นี่นะ
หญิงสาวกระโดดถอยไปข้างหลังขาเรียวตวัดเตะปลอกดาบที่วางทิ้งไว้ไปที่ชายหนุ่ม
ดาบสั้นตวัดลงฟันปลอกดาบขาด 2 ท่อนในทีเดียว เคย์โกะได้ทีรีบพุ่งเข้าไป จังหวะนั้นเธอเห็นแล้ว แสงวาบขึ้นแว๊บนึง ดาบยาวตวัดไปยังทิศทางนั้นทันที
เสียงกิ้งเหมือนเหล็กกระทบแก้วดังขึ้น
อาวุธลับเผยหน้าตาออกมา มันคือบูมเมอแรงจิ๋วที่ทำจากแก้ว


ชายหนุ่มไม่มีทีท่าตกใจเลยซักนิด แต่ยังยืนกริ่มอยู่ตรงนั้น ดวงตาจับจ้องไปยังหญิงสาวตรงหน้า แววตาส่องประกายกล้านั้นทำให้ถูกใจตั้งแต่แรกพบ แถมพอสู้กันทำให้ร้ว่าหญิงสาวตรงหน้าเก่งมากจริงๆ


ชักถูกใจแล้วสิ


เสียงระเบิดดังขึ้นจากโกดังเก็บของ ทำให้การต่อสู้ของทั้งคู่หยุดชะงัก คนที่จุดระเบิดไม่ใช่ใครแต่เป็นเจ้าของสินค้าที่ชายหนุ่มเป็นคนพามา
“ อย่าละสายตาจากผมสิครับ ” เสียงที่ดังประชิดตัว ทำให้หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็ช้ากว่าอีกคน เมื่อมือสับลงไปที่ต้นคอ หญิงสาวสลบลงไปในอ้อมแขนของชายหนุ่มในทันที
หงเย่อุ้มหญิงสาวขึ้น หันไปสบตากับเหล่าลูกน้องที่ยืนตกใจ
“ ขอยืมตัวไปซักพักนะ ”
ชายในชุดสูทดำตั้งท่าจะรีบตามเจ้านายตัวเองไป แต่ก็ต้องชะงักเมื่อคู่อริเข้ามาโจมตี ทำให้ตามคนที่ฉกเจ้านายไปไม่ทัน เมื่อชายหนุ่มมองอีกทีร่างของทั้งสองคนก็หายไปแล้ว


หญิงสาวกระพริบตา ภาพตรงหน้าพร่ามัวก่อนจะโฟกัสได้ เพดานสีเทาและความรู้สึกนุ่มของที่นอน เมื่อมองไปรอบๆจึงพบว่าอยู่ในห้องพักโรงแรม คะเนจากขนาดของห้องคงเป็นโรงแรมระดับกลาง
เคย์โกะก้มลงมองสูทตัวนอกถูกถอดออกไป เสื้อเชิ้ตขาวถูกปลดกระดุมลงสองเม็ด
“ ฟื้นแล้วเหรอ ” หญิงสาวผุดลุกขึ้นมือเรียวเอื้อมมือไปด้านหลัง หมายหยิบมีดสั้นที่พกอยู่ด้านหลังออกมา แต่เมื่อลูบไปก็เจอแต่ความว่างเปล่า
“ หานี่อยู่เหรอ? ” ชายหนุ่มชูมีดสั้นที่ถืออยู่ ก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียง หยิบแอปเปิ้นในถุงออกมาปอกกินอย่างไม่สนใจหญิงสาวที่อยู่บนเตียง ชายหนุ่มหยิบแอปเปิ้ลลูกที่สองขึ้นมาปอกกิน หญิงสาวมองความคล่องแคล่วในการใช้มีดก็รู้สึกหวั่นใจ คนตรงหน้าดูก็รู้เลยว่าเก่งกาจขนาดไหน
“ กินไหม ” แอปเปิ้ลชิ้นขนาดพอคำถูกส่งมาให้
“ หรือจะเอาน้ำ ” ชายหนุ่มหันไปทางโต๊ะข้างเตียงที่มีขวดน้ำอยู่ หญิงสาวมองจ้องคนตรงหน้านิ่ง ไม่พูดอะไร
“ ไม่ได้ใส่อะไรหรอกน่า ” ชายหนุ่มหัวเราะน้อยๆเมื่อเห็นปฏิกิริยาของหญิงสาว มือวางขวดน้ำเปล่ากลับที่เดิม กยิบแอปเปิ้ลเข้าปาก แล้วเอาแอปเปิ้ลลูกที่สามออกมาปลอก เคย์โกะมองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ ความสงสัยทำให้ถามออกไป
“ ต้องการอะไร ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ยกยิ้มให้หญิงสาว
" นึกว่าจะไม่ถามซะแล้ว " วางมีดและแอปเปิ้ลลงกับโต๊ะข้างเตียง
“ ...ต้องการเธอ ”
เมื่อสิ้นประโยค ดวงตาโตเบิกกว้างเล็กน้อย แล้วตามมาด้วยประกายตาวาวโรจน์ที่แสดงถึงความไม่พอใจจนหงเย่รู้สึกขันเล็กน้อย
หญิงสาวตรงหน้าจะรู้มั้ยว่าอาการแบบนี้มันทำให้เค้านึกถูกใจคนตรงหน้ายิ่งขึ้นไปอีก
“ ถ้ากล้าก็ลองดู ” เคย์โกะเอื้อมไปหมายฉกมีดสั้นที่วางอยู่ข้างกองแอปเปิ้ล แต่ก็ยังช้ากว่าเมื่อมือของชายหนุ่มกระแทกลงบนข้อมือหญิงสาว พร้อมแรงบีบ มือของชายหนุ่มคว้าข้อมือของเธอไว้ได้ก่อนที่จะถึงมีดสั้น ขาตวัดเตะแทบจะในทันที แต่ชายหนุ่มก็รับไว้ได้ และนั้นทำให้เคย์โกะรู้ว่าเสียทีซะแล้ว เมื่อชายหนุ่มจับทั้งข้อมือและขาแล้วทุ่มตัวลงบนเตียง กดข้อมือแล้วขึ้นคร่อมและกระชากเสื้อออก
ดวงตามวาววับจ้องชายหนุ่มเขม็ง ขืนตัวเต็มที่ แต่คราวนี้ไมใช่เพื่อให้หลุด แต่เพียงแค่ต้องการไม่ให้คนตรงหน้าเห็นร่างกายของเธอ แต่ชายหนุ่มกดเธอไว้แน่นหนามาก จนหญิงสาวแทบจะขยับตัวไม่ได้

ชายหนุ่มชะงักเล็กน้อย ก่อนดึงเสื้อของหญิงสาวอออก ผิวกายของหญิงสาวนั้นขาวเนียนละเอียด มีรอยแผลเป็นประปราย แต่ยิ่งทำให้ร่างกายของหญิงสาวดูงดงามยิ่งขึ้น หงเย่ไล่สายตามองไปยังเนินเนื้อข้างซ้ายนั้นขาวเนียนละเอียด แต่เนินเนื้อด้านขวาตั้งแต่บ่าลงมาถึงราวนมนั้นมีรอยแผลเป็นเหมือนปานสีน้ำตาลอมแดงเรื่อยไปทั่วร่างฝั่งขวา บางแห่งก็เป็นสีน้ำตาลคล้ำเหมือนเนื้อที่เคยไหม้ ชายหนุ่มดูออกในทันที เพราะเค้าก็มีแผลแบบนั้นเหมือนกัน

ถึงจะไม่รู้ว่าหญิงสาวได้บาดแผลพวกนี้มาจากไหน แต่ก็สามารถจินตนาการถึงความเจ็บปวดได้เลย
ใช่ว่าบาดแผลภายนอกจะไม่สาหัส แต่แผลภายในใจสาหัสยิ่งกว่า
มือของหงเย่ลูบแก้มเนียน ก่อนจะมาปัดผมที่ปิดใบหน้าซีกขวา ชายหนุ่มรู้สึกได้เลยว่าหญิงสาวขืนตัวขึ้นมาชั่วขณะเหมือนจะไม่ยอม แต่ก็ผ่อนคลายลงในทันที พร้อมดวงตาประกายกล้าส่งมา หงเย่อมยิ้มเล็กน้อยกับท่าทางนั้น ชายหนุ่มจึงปัดผมที่ปิดอยู่ออกเพื่อยลโฉมใบหน้า…
หญิงสาวกลั้นใจ จริงอยู่ว่าด้วยอายุและประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา การมีสัมพันธ์ทางกายไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เนื่องด้วยใบหน้าและร่างกายของเธอที่เสียโฉมไปเพราะฝีมือมารดาของตัวเอง ทำให้ผู้ชายหลายคนครั้มคร้ามที่จะสัมพันธ์ด้วย ส่วนน้อยคนที่จะไม่สนเรื่องร่างกายของเธอ แต่เมื่อเห็น ‘ ใบหน้า ’ แล้วก็มักจะหมดอารมณ์และหลีกหนีไป
ผู้ชายตรงหน้าก็คงเหมือนกัน เธอรู้ดีว่าผู้ชายตรงหน้าต้องการอะไร และเธอก็ไม่สนใจ เธอต้องรู้ให้ได้ว่า ของ ที่ชายหนุ่มนำมานั้นเปิดยังไง ถ้าเธอยอมนิดหน่อย ก็อาจจะล้วงความลับนั้นมาได้ เธอจึงยอมให้คนตรงหน้าเปิดใบหน้าที่เธอปกปิดไว้ แม้อยากจะฆ่าคนตรงหน้าซักแค่ไหนก็ตาม ยังไงผู้ชายตรงหน้าก็คงจะเหมือนคนอื่นๆ…..แต่เธอคิดผิด
ในดวงตานั้นมีแววตกใจเล็กน้อย แต่ก็กลับกลายเป็นแววตายินดีเหมือนเจอของที่ถูกใจ ยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกวูบไหวในอก
ใบหน้านั้นเลื่อนเข้ามาใกล้ ดวงตาคมนั้นจ้องมองมา ก่อนริมฝีปากจะสัมผัสกัน เคย์โกะขืนตัวเล็กน้อยเสหน้าไปอีกทาง
“ …...ไม่….รังเกียจ...เหรอ…….. ”  หญิงสาวเอ่ยแผ่วเบา มันเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจและลังเล ถ้าชายหนุ่มตรงหน้าทำท่ารังเกียจเธอยังเข้าใจได้ง่ายกว่า แต่นี่ไม่ใช่ คนตรงหน้าเห็นใบหน้าเธอแล้ว แต่กลับแสดงความต้องการออกอย่างไม่ปิดบังซักนิด จนหญิงสาวเริ่มหวั่นไหวเสียเอง
ชายหนุ่มแย้มยิ้มเล็กน้อย ก้มลงสัมผัสแก้มและริมฝีปาก ใบหน้าหญิงสาวเป็นสีแดงเรื่อ ดวงตายังแฝงแววดื้อรั้นต่อต้าน
“ ไม่ว่าคุณจะมีร่างกาย หรือใบหน้าแบบไหน ผมก็ต้องการคุณอยู่ดี ” ดวงตานั้นเบิกกว้างก่อนจะเสไปอีกทาง หงเย่หัวเราะอย่างเอ็นดู ก่อนจะกดริมฝีปากกับหญิงสาว แนบร่างลงให้เนื้อต่อเนื้อสัมผัสกันตลอดทั้งคืน... ----------------- To be continue ------------------

3 ตอนไม่จบค้าาาา เรื่องราวจะเยอะไหนกันเนี่ย TAT
เรื่องของหงเย่กับเคย์โกะก็......นะ =.,=
เริ่มด้วยเรื่องแบบนี้แหละ ตอนนั้นอ่านนิยายอะไรอยู่มั้ง แล้วชอบพล็อตแบบนี้เลยเอามาใช้บ้าง
หวยก็ตกลงที่คู่นี้ ฮา
เคย์โกะตอนนั้นโดนวางตัวให้ลง EM แต่ว่าเนื่องด้วยสตอรี่ที่เยอะมาก แถมพ่วงหงเย่มาอีก เลยทำให้โดนปลด (ประมาณเนื้อเรื่องเยอะไปหน่อยกลัวเล่น EM ไม่อิน) อายะเลยถือกำเนิดมาเพราะสาเหตุนี้ ฮา
เคย์โกะมีแผลเป็นที่ใบหน้าซีกขวา จริงๆไม่ถึงกับอัปลักษณ์มาก แต่ก็พูดได้ว่าเสียโฉมไปเยอะ (อายะเห็นครั้งแรกก็ตกใจนะ) จริงๆแล้ว หนึ่งหยดแดง คือฉายาของนักฆ่า จากเรื่อง ชอลิ้วเฮียง
ฉายาเต็มๆคือ หนึ่งหยดแดงแห่งตงง้วน เนื่องจากฆ่าคนโดยการตวัดกระบี่ครั้งเดียวแค่ครั้งเดียว และเสียดออกแค่ 1 หยด เลยได้ฉายานี้
ออกมาตอน กลิ่นหอมกลางธารเลือด
และออกมาอีกทีตอน ศึกวังน้ำทิพย์
จากตอนนี้นี่ละที่ทำให้เราหลงรักคู่นี้ คือแบบว่าหนึ่งหยดแดงในนิยายชอลิ้วเฮียง จะเป็นคล้ายๆพูดน้อยต่อยหนัก เย็นชา แบบไซมึ้งชวยเซาะ (รายนี้ก็พอกัน หน้าตายเย็นชา แต่เวลาหวานนี่ อื้อฮืม น้ำตาลเรียกพี่ได้เลย ฮา) เลิกเป็นนักฆ่าเพราะชอลิ้วเฮียง 

ทีนี้ในตอน ศึกวังน้ำทิพย์ บังเอิญเจอชอลิ้วเฮียงเลยติดตามเดินทางไปด้วย จนไปเจอรังของกวนอิมศิลา ในตอนที่ชอลิ้วเฮียงเข้าวังน้ำทิพย์ (ถ้าเราจำไม่ผิดนะ) ได้เจอศิษย์ของกวนอิมศิลา นาม เค็กบ้อย้ง (ไร้รูปแซ่เค็ก) 
ชอลิ้วเฮียงก็ตามประสา เห็นกิริยาท่าทางของเค็กบ้อย้ง ก็ชมเชย ท่านนี่กิริยา มารยาม ท่วงท่าการเดินงดงาม ไฉนท่านจึงกปิดใบหน้า เมื่อท่านเป็นศิษย์ของกวนอิมศิลาย่อมต้องดงามไม่แพ้อาจารย์แน่ เค็กบ้อย้องแค่นหัวเราะแล้วกล่าวว่า งั้นคุณชายเชิญชมโฉมหน้าข้า
แล้วนางก็เปิดผ้าคลุมใบหน้าออก ปรากฎว่าใบหน้านอกจากดวงตาและปากเละไปทั้งหน้า
เค็กบ้อย้ง ถามว่า ข้ายังงดงามหรือไม่
ชอลิ้วเฮียง ก็กล่าวว่า กิริยามารยาทท่านนั้นงดงาม และไม่ใช่ว่าท่านสวยหรือถึงได้โดนอ.ทำลายใบหน้า
(กวนอิมศิลาเป็นสาวงามที่สวยมาก แต่นางชิงชังผู้หญิงคนอื่นที่สวยกว่านาง ถึงขั้นข่มขู่ในฮูหยินผู้นึงกินยาทำลายใบหน้าและแยกจากคนรักมาแล้ว ทีนี้เค็กบ้อย้งก็คงงามจริงๆถึงได้โดนกวนอิมศิลาที่เป็นอ. ให้ดื่มยาพิษทำลายใบหน้า)

เค็กบ้อย้งไม่ได้กล่าวอะไร แต่เชิญให้คณะของชอลิ้วเฮียงเดินเข้าไปภายในถ้ำ ระหว่างที่หนึ่งหยดแดงกำลังเดินผ่านเค็กบ้อย้งก็กล่าวกับนางว่า " ท่านไม่ได้อัปลักษณ์ ท่านงดงามยิ่ง "

โอ้ย กรี้ดมากกกก คิดภาพชายหนุ่มเย็นชาพูดแบบนี่ดิ อ่านแล้วทึ้งหมอนเลยอ่ะ ฮา
เท่านั้นยังไม่พอ อีกตอนที่ชอลิ้วเฮียง โอ้วทิฮวยและหนึ่งหยดแดงเจอกวนอิมศิลาและเค็กบ้อย้งอีกครั้ง
กวนอิมศิลาต่อว่าเค็กบ้อย้งเรื่องที่ชอลิ้วเฮียงชมเชย จนเค็กบ้อย้งต้องขออภัยโทษจากอาจารย์โดยการตัดมือตัวเอง
และนั้นก็ทำให้หนึ่งหยดแดงแทบจะชักกระบี่ออกมาแทงกวนอิมศิลา ถ้ากวนอิมศิลาไม่พูดว่าถ้าข้าตายพวกท่านจะไม่ได้ออกไปจากวังน้ำทิพย์นี้
แต่ตอนจบของตอน ศึกวังน้ำทิพย์ คือ หนึ่งหยดแดง แขนขาดและเค็กบ้อย้งยอมหนีตามหนึ่งหยดแดงไป

สรุปคู่นี้โมเม้นท์น้อยแต่มาทีแรงมากๆ เมื่อความฟินไม่จบ(เรอะ?) เราเลยเอามาต่อกับคู่นี้แทน ฮือ......ก็รอดูต่อไป ฮา